นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทยลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (MTLS) ผู้นำตลาดสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์และนาโนไฟแนนซ์ของเมืองไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 3/2560 มีรายได้รวม 1,968 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 767 ล้านบาท หรือ 63.86% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 1,201 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2560 มีกำไรสุทธิรวม 650 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 249 ล้านบาท หรือ 62.09% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิรวม 401 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดสินเชื่อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาส 3/2560 มียอดปล่อยสินเชื่อใหม่กว่า 15,253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.39% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ในฐานะที่ MTLS เป็นผู้นำตลาด ในไตรมาส 3/2560 มียอดปล่อยสินเชื่อใหม่ 406 ล้านบาท จากยอดปล่อยสินเชื่อรวม15,253 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรก (สิ้นสุดเดือนกันยายน 2560) บริษัทฯมีรายได้รวม 5,296 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,226 ล้านบาท หรือ 72.51%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 3,070 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิรวม 1,757 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 776 ล้านบาท หรือ 79.10% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 981 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดสินเชื่อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับงวด 9 เดือน มียอดปล่อยสินเชื่อใหม่กว่า 41,205 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมียอดปล่อยสินเชื่อสะสม 9 เดือน 26,193 ล้านบาท
"มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้จะเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ โดยในส่วนของสินเชื่อคาดว่าจะเติบโต 50% ส่วนรายได้และกำไร คาดว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 1.4 พันล้านบาท เพราะในช่วงครึ่งปีหลัง ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ"นายชูชาติกล่าว
ส่วนแผนการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทฯตั้งเป้าหมายสินเชื่อและกำไรเติบโต 40% จากปีนี้คาดเติบโตตามเป้าที่ 50% หลังเดินหน้าขยายสาขาทั่วประเทศ 600 สาขา/ปี จากปัจจุบันบริษัทมีสาขาทั้งสิ้น 2,294 สาขา และตั้งเป้าภายใน 3 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 2563 จะมีสาขารวม 4,300 สาขา รองรับความต้องการสินเชื่อของลูกค้าในระดับรากหญ้าที่ยังขาดโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ ซึ่งการทำธุรกิจของ MTLS ในช่วงที่ผ่านมา สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (MTLS) กล่าวอีกว่า แม้ในช่วงที่ผ่านมาดูเหมือนว่าบริษัทฯ จะมีการทำงานในเชิงรุก ยอดการปล่อยสินเชื่อเติบโตมากกว่า 50% แต่ในแง่ของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ถือว่าอยู่ในระดับต่ำมาก โดยในปีนี้คาดว่าเอ็นพีแอลจะอยู่ที่ระดับ 1.2%เท่านั้น และในปี 2561 วางกรอบคุมสัดส่วนเอ็นพีแอลในระดับ 1.2-1.5%