กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.15-31.50 จับตาทิศทางนโยบายสหรัฐฯ

จันทร์ ๑๒ มีนาคม ๒๐๑๘ ๑๖:๓๖
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท

ในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.15-31.50 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 31.36 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 3.9 พันล้านบาท และ 1.4 พันล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่เงินดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยเทียบกับเงินเยนและยูโรหลังธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางญี่ปุ่นแสดงท่าทีระมัดระวังต่อภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ ส่วนสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ปรับตัวผันผวนตามกระแสข่าวสงครามการค้าโลก ขณะที่ท้ายสัปดาห์ สหรัฐฯ รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเกินคาดแต่ค่าจ้างปรับขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดประเมินไว้

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรีมองว่า ตลาดคลายความกังวลในเรื่องเงินเฟ้อและการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 313,000 ตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในรอบกว่าหนึ่งปีครึ่ง แต่ค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% นอกจากนี้ นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านนิวเคลียร์ หลังประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าเตรียมที่จะพบปะกับผู้นำเกาหลีเหนือ โดยในภาพรวมช่วงต้นสัปดาห์นี้ เรายังคงเห็นนักลงทุนกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น และสกุลเงินตลาดเกิดใหม่รวมถึงเงินบาท ส่วนปัจจัยชี้นำสำคัญในสัปดาห์นี้จะอยู่ที่ข้อมูลเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ซึ่งตลาดจับตาอย่างใกล้ชิดหลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรแข็งแกร่ง แต่ทิศทางค่าจ้างกลับไม่ได้สะท้อนถึงแรงส่งไปยังเงินเฟ้อในระยะถัดไป

สำหรับปัจจัยในประเทศ ผู้ว่าการธปท.ระบุนโยบายการเงินในขณะนี้ยังจำเป็นต้องผ่อนคลายเพื่อเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังต่ำ นอกจากนี้ ธปท.ระบุว่าจะไม่ทำอะไรที่สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด โดยหากจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ทางการจะต้องสื่อสารให้ตลาดรับรู้ก่อนล่วงหน้า นับเป็นการส่งสัญญาณค่อนข้างชัดเจนว่าทางการไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและมีแนวโน้มตรึงดอกเบี้ยไว้อีก 1-2 ไตรมาสเป็นอย่างน้อย นอกจากนี้ เราประเมินว่าในช่วงที่ตลาดการเงินโลกเข้าสู่ภาวะปรับฐานเช่นปัจจุบัน นักลงทุนยังคงต้องจับตาสถานการณ์นโยบายของสหรัฐฯ เนื่องจากไม่เพียงแต่นโยบายการเงินและนโยบายการคลังเท่านั้นที่ส่งผลกระทบต่อตลาด แต่ยังรวมถึงนโยบายการค้าและนโยบายด้านการต่างประเทศ โดยภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ การคาดการณ์ทิศทางนโยบายสหรัฐฯ และผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆ มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๗ ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๑๗:๕๓ NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๑๗:๐๕ แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๑๗:๓๒ แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๑๗:๒๕ RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๑๗:๔๘ ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๑๗:๐๕ เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๑๗:๐๖ ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๑๗:๔๙ ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud
๑๗:๐๐ เปิดรับสมัครแล้ว HaadThip Fan Run 2024 แฟนรัน ฟันแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์ หาดสมิหลา จ.สงขลา