เอสซีจี เดินหน้าโครงการปิโตรเคมีครบวงจรรายแรกในเวียดนาม เสริมศักยภาพการแข่งขัน ตอบโจทย์ความต้องการตลาด ชูจุดเด่นเทคโนโลยีระดับโลก

พุธ ๐๖ มิถุนายน ๒๐๑๘ ๑๖:๓๐
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า "เอสซีจีได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) จาก 71% เป็น 100% ซึ่งเป็นโครงการปิโตรเคมีครบวงจรรายแรกในเวียดนาม มีกำลังการผลิตโอเลฟินส์ 1.6 ล้านตันต่อปี สำหรับผลิตเม็ดพลาสติกชนิดHDPE, LLDPE และ PP เพื่อรองรับความต้องการภายในเวียดนามที่ปัจจุบันสูงถึงปีละ 2.3 ล้านตัน และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่อยู่ในระดับสูง

การลงทุนครั้งนี้จะเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของเอสซีจีในธุรกิจเคมิคอลส์ในภูมิภาค เนื่องจาก LSP เป็นโครงการปิโตรเคมีครบวงจรขนาดใหญ่ระดับ World Scale แห่งแรกของเวียดนามที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูง เพราะใช้เทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกที่มีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้วัตถุดิบสูง โดยสามารถเลือกใช้ก๊าซในสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 70 ของวัตถุดิบทั้งหมด จึงทำให้มีต้นทุนวัตถุดิบต่ำกว่าโรงงานปิโตรเคมีส่วนใหญ่ในภูมิภาค และโครงการยังได้รับการสนับสนุนสิทธิประโยชน์การลงทุนจากรัฐบาลเวียดนามอย่างเต็มที่ เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีการใช้เทคโนโลยีชั้นนำของโลกเป็นครั้งแรกในประเทศ โดยมีมูลค่าการลงทุนของโครงการรวม 5,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 173,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนที่ได้เปรียบทางการแข่งขัน นอกจากนี้ เอสซีจียังได้นำนวัตกรรม ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ รวมถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อให้การผลิตมีประสิทธิภาพสูงสุด มีความปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงสร้างทางการเงินของโครงการประกอบด้วยเงินกู้และเงินทุนในอัตราส่วน 60 : 40ซึ่งเอสซีจีได้เตรียมแหล่งเงินทุนไว้แล้ว และจะเริ่มก่อสร้างโครงการได้ในไตรมาส 3 ของปี 2561 นี้"

นายรุ่งโรจน์กล่าวต่อไปว่า "เอสซีจีมีโครงสร้างทางการเงินที่มั่นคง โดยมีเงินสดและเงินสดภายใต้การบริหาร ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2561 ประมาณ 68,000 ล้านบาท อัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ (Leverage ratio) 1.6 เท่า ทั้งยังมีการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรัดกุม ประกอบกับวัฎจักรของธุรกิจปิโตรเคมีมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2565 เนื่องจากความต้องการในตลาดโลกที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจได้ว่าเอสซีจีจะมีศักยภาพการแข่งขันในระดับภูมิภาคมากขึ้นในระยะยาว สามารถตอบโจทย์การเติบโตของตลาดโลกในอนาคต"

ทั้งนี้ โครงการ LSP ตั้งอยู่ที่เมือง Ba Ria – Vung Tau ห่างจากนครโฮจิมินห์ประมาณ 100 กิโลเมตร โดยโครงการมีการดำเนินงานอย่างเข้มงวดตามมาตรฐานความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมระดับโลก เพื่อให้การดำเนินธุรกิจสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนและสังคมของเวียดนามได้อย่างยั่งยืน เช่นเดียวกับการดำเนินกิจการอื่นๆ ในธุรกิจแพคเกจจิ้ง และธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างของเอสซีจีที่ผ่านมา ตามความมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในภูมิภาค

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๗ ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๑๗:๕๓ NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๑๗:๐๕ แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๑๗:๓๒ แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๑๗:๒๕ RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๑๗:๔๘ ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๑๗:๐๕ เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๑๗:๐๖ ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๑๗:๔๙ ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud
๑๗:๐๐ เปิดรับสมัครแล้ว HaadThip Fan Run 2024 แฟนรัน ฟันแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์ หาดสมิหลา จ.สงขลา