“AECS ” หุ้นไทยจับตาปัจจัยต่างประเทศ ให้กรอบดัชนี 1,548-1,606 จุด แนะลงทุนหุ้นเป้าหมายกองทุนมีปันผลต่อเนื่อง

อังคาร ๐๘ มกราคม ๒๐๑๙ ๑๒:๔๐
บล.เออีซี ประเมินหุ้นไทยจับตาปัจจัยต่างประเทศทั้ง เฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย และราคาน้ำมันพันผวน ให้กรอบดัชนี 1,548-1,606 จุด พร้อมลุ้นสถานการณ์ชัตดาวน์หน่วยงานภาครัฐของสหรัฐ และการ BREXIT ของอังกฤษส่อวุ่น แนะนำกลยุทธ์ลงทุนหุ้นกองทุนให้ความสนใจ และมีการจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง ชู PLANB-VGI -MACO -ROBINS -CPN –AMATA-WHA

บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับปัจจัยหนุนในช่วงสั้นเช่นเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ จากปัจจัยบวก Fed ได้เปิดเผยมุมมองต่อการดำเนินนโยบายการเงินที่มีลักษณะ Dovish มากขึ้น โดยจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับแผนลดขนาดงบดุลให้ยืดหยุ่นมากขึ้น หลังเห็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจของสหรัฐฯ บวกกับราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวเล็กน้อย จากความคาดหวังต่อกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC ที่จะลดลงตามข้อตกลง แต่ภาพระยะกลาง-ยาว คาดว่าตลาดมีโอกาสผันผวนสูง

ส่วนปัยจัยกดดันที่มีผลต่อการลงทุนในช่วงนี้ มาจากภาวะการชะลอตัวของภาคการผลิตในสหรัฐฯ-จีนที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าจะยังคงถูกสะท้อนออกมาซึ่งสะท้อนออกมาผ่านตัวเลขเศรษฐกิจ หลายตัวที่แย่กว่าที่ตลาดคาด ซึ่งแม้ในวันที่ 7 มกราคม จะมีการประชุมร่วมกันในระดับ Mid Level แต่คาดยังไม่เห็นพัฒนาการเชิงบวกมากนัก และภาวะปิดหน่วยงานสหรัฐฯ ที่เริ่มกินเวลามากขึ้นเรื่อยๆ จะเริ่มส่งผลต่อการบริโภคในประเทศ ซึ่งล่าสุดนายโดนัลด์ ทรัมป์ และวุฒิสภาฯ ยังไม่สามารถได้ข้อสรุปร่วมกันต่อประเด็นงบสร้างกำแพงชายแดนเม็กซิโกได้ ทำให้คาดปัญหาดังกล่าวมีโอกาสยืดเยื้อออกไปอีกระยะหนึ่ง

นอกจานี้ยังมีความเสี่ยงจาก No-Deal BREXIT สูงขึ้น หลังความขัดแย้งภายในรัฐบาลอังกฤษยังเป็นปัจจัยที่ทำให้ฝ่ายค้าน ไม่ยอมสนับสนุนร่าง BREXIT ซึ่งหากการประชุมในวันที่ 14 มกราคม ยังไม่เห็นความคืบหน้ามากขึ้น จะทำให้ตลาดกลับมากังวลว่าอังกฤษอาจต้องออกจาก EU แบบไร้ข้อตกลง ซึ่งจะสร้างผลกระทบให้กับเศรษฐกิจอังกฤษ และ EU

ดังนั้นจึงคงมุมมองระมัดระวังต่อปัจจัยจากต่างประเทศ และคาดว่าในช่วงสั้นกระแส Fund Flow จะยังไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่าสินทรัพย์เสี่ยง เพื่อรอความชัดเจนของปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว โดยคาดว่า SET Index Sideway ในกรอบแนวรับ-แนวต้านที่ 1,551-1,597 จุด (Fwd PE Valuation ปีนี้ 13.4 เท่าถึง 13.6 เท่า ) โดยอิงจากปัจจัยลบทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งมีทั้งตัวเลขเศรษฐกิจทั้งในไทย และต่างประเทศ อาทิ จีน ยุโรป สหรัฐฯ ที่ยังคงชะลอตัว บวกกับปัญหา Government Shutdown ของสหรัฐฯ และประเด็น Trade Wars ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่ยังไม่คลี่คลาย ดังนั้นในช่วงนี้ยังคงแนะนำทยอยสะสม 3 กลุ่มหุ้น Domestic Play + โดยเฉพาะกลุ่มที่คาดว่ากองทุนให้ความสนใจ และมีการจ่ายเงินปันผลจากความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดได้สม่ำเสมอ ดังนี้ กลุ่มสื่อ PLANB, VGI และ MACO 2. กลุ่มค้าปลีก ROBINS และ CPN 3. กลุ่มนิคม AMATA และ WHA

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๗ ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๑๗:๕๓ NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๑๗:๐๕ แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๑๗:๓๒ แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๑๗:๒๕ RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๑๗:๔๘ ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๑๗:๐๕ เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๑๗:๐๖ ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๑๗:๔๙ ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud
๑๗:๐๐ เปิดรับสมัครแล้ว HaadThip Fan Run 2024 แฟนรัน ฟันแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์ หาดสมิหลา จ.สงขลา