Bitfinex ภูมิใจที่จะประกาศเปิดตัวโครงการสร้างความโปร่งใสให้โทเคน UNUS SED LEO โดยใช้กลไกลการซื้อคืนเหรียญเพื่อนำมาทำลายออกจากระบบในราคาที่มีการซื้อขายกันอยู่แบบเรียลไทม์
หลังจากที่โทเคน UNUS SED LEO ได้ถูกเปิดตัวออกมาเมื่อวันที่ 22 พ.ค. และประสบความสำเร็จในการระดมทุนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการเปิดตัวโปรโตคอลแบบคู่ขนานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร ซึ่งทำให้โทเคนดังกล่าวได้ถูกกระจายไปให้ทั้งกลุ่มผู้สนับสนุน EOS และ Ethereum
วันนี้ Bitfinex จึงได้เริ่มกลไกการเผาทำลายโทเคน UNUS SED LEO ตามที่แจกแจงไว้ในรายงานสมุดปกขาว ด้วยการให้ iFinex และบริษัทในเครือเข้าไปซื้อคืนเหรียญ UNUS SED LEO ออกจากตลาดในราคาที่มีการซื้อขายอยู่ ณ ขณะนั้น โดยมีวงเงินขั้นต่ำเทียบเท่า 27% ของรายได้ในงบการเงินของ iFinex (ไม่รวม Ethfinex) จนกว่าจะไม่มีโทเคนหมุนเวียนในเชิงพาณิชย์อีกต่อไป นอกจากนี้ยังอาจมีการทำลายโทเคน UNUS SED LEO ที่ถูกนำมาใช้ในการจ่ายค่าธรรมเนียมซื้อขาย โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนด้วยการออกเหรียญคริปโตอย่างน้อย 80% มาใช้ในการซื่อคืนและเผาทำลายโทเคนทั้งหมดจนกว่าโทเคนจะถูกซื้อคืนกลับมาครบทั้ง 100%
เพื่อส่งเสริมการเปิดตัวกลไกลดังกล่าวให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น Bitfinex จึงเปิดตัว'LEO Transparency Dashboard' ออกมาเพื่อมอบข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับค่าธรรมเนียมทั้งหมดในแพลตฟอร์ม รวมถึงการเผาทำลายเหรียญ LEO ที่ปรากฎขึ้นหลังมีการตรวจสอบโดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน
สามารถเข้าถึง LEO Transparency Dashboard ได้ที่ leo.bitfinex.com
ทั้งนี้ โทเคน UNUS SED LEO ได้ถูกแจกจ่ายโดย Unus Sed Leo Limited ซึ่งเป็นบริษัทตั้งใหม่ในเครือ iFinex ตามแผนการขายรอบส่วนบุคคล เมื่อวันที่ 7-13 พ.ค. ในอัตราแลกเปลี่ยนที่ 1 USDt ต่อ 1 UNUS SED LEO โดยไม่มีส่วนลด และมีปริมาณการหมุนเวียนอยู่ในตลาดทั้งหมด 1,000,000,000 เหรียญ
เกี่ยวกับ iFinex: iFinex เริ่มต้นการดำเนินงานในปี 2555 ภายใต้แบรนด์ Bitfinex ทำให้บริษัทเป็นหนึ่งในตลาดซื้อขายที่ยืนยาวที่สุดแห่งหนึ่งในวงการบล็อกเชน นับตั้งแต่นั้นมา iFinex ซึ่งดำเนินงานผ่านแพลตฟอร์มซื้อขาย ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากที่สุดแห่งหนึ่งในแวดวงคริปโตเคอเรนซี โดยมีชุมชนที่ประกอบไปด้วยผู้ประกอบการ นักอุดมคติ และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่มีความสนใจในด้านนี้ และมีส่วนสนับสนุนเรื่องราวการเติบโตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของเรา