นายณฐพงศ์ พินิตพงศ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีบีเอสพี จำกัด (มหาชน) หรือ TBSP ผู้ดำเนินธุรกิจการผลิตสิ่งพิมพ์ปลอดการปลอมแปลงอย่างครบวงจร ที่นำการพัฒนาใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดประจำไตรมาส 2/2562 บริษัทฯ และบริษัทย่อย ในงบการเงินรวมมีรายได้จากการขายและให้บริการ 276 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยราว 1% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 278 ล้านบาท กำไรสุทธิ 99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 857% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 10 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ รับรู้กำไรในรายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำในการขายสินทรัพย์
สำหรับผลประกอบการในงวดไตรมาส 2 ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัท มีกำไรที่เติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากรับรู้กำไรพิเศษในการขายสินทรัพย์ในธุรกิจการให้บริการจัดเก็บเอกสารและทำลายข้อมูลอย่างปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นธุรกิจที่ไม่สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตในอนาคต โดยมูลค่าที่ขายออกไปอยู่ที่ 162.40 ล้านบาท
ขณะที่ ยอดขายปรับลดลงราว 1% เมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 2/2561 เนื่องจาก ช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ มียอดขายพิเศษจากโปรเจ็กต์งานพิมพ์โปรษณียบัตรทายผลฟุตบอลโลก หากหักโปรเจ็กต์พิเศษดังกล่าวออกไป ภาพรวมไตรมาส 2 ปีนี้ ยังคงเติบโตขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจงานพิมพ์ฉลากสินค้าป้องกันการปลอมแปลง ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และมีคำสั่งซื้อเข้ามาจนถึงปลายปีแล้ว โดยงานพิมพ์ป้องกันฉลากปลอมแปลงมีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ประมาณ 15-16% ของยอดขายรวม และจะเป็นธุรกิจดาวเด่นต่อเนื่องในปี 2563
ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2562 มีรายได้จากการขายและให้บริการ 560 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 530 ล้านบาท กำไรสุทธิ 113 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,229% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 8.5 ล้านบาท
"ในปี 2562 TBSP มีการปรับโครงสร้างธุรกิจให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติการเปลี่ยนชื่อจากเดิมบริษัท ไทยบริตติช ซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัท ทีบีเอสพี จำกัด (มหาชน) เพื่อให้สอดคล้องกับการทำธุรกิจที่หลากหลาย มุ่งสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจสิ่งพิมพ์เพื่อการป้องกันการปลอมแปลง และมีประสิทธิภาพอย่างครบวงจร โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาสนับสนุน รวมทั้ง ขายสินทรัพย์ในธุรกิจที่ไม่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของเราออกไป เพื่อความคล่องตัวในการบริหารงาน และขยายการเติบโตไปยังธุรกิจที่เป็นโอกาส โดยตั้งเป้ารายได้ปี 2562 จะเติบโตแตะ 1,300 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2561 ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 1,052 ล้านบาท" นายณฐพงศ์ กล่าว
เพื่อสะท้อนการเติบโตที่แข็งแกร่งในอนาคต ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการจ่ายปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกนี้ ในอัตราหุ้นละ 0.68 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 74.6 ล้านบาท โดยเงินปันผลระหว่างกาลดังกล่าว จ่ายจากกำไรสุทธิของบริษัทที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา 20% ซึ่งผู้ถือหุ้นประเภทบุคคลธรรมดาสามารถขอเครดิตภาษีเงินปันผลได้เท่ากับเงินปันผลคูณยี่สิบส่วนแปดสิบ ทั้งนี้ บริษัทฯ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลระหว่างกาล (Record date) ในวันอังคารที่ 20 สิงหาคม 2562 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 2 กันยายน 2562