“NER” โชว์งบ Q2/2562 กำไรเพิ่มขึ้น 250.82 % ตั้งเป้าครึ่งหลังปี 62 โตตามเป้าจากออเดอร์ที่มีล่วงหน้าล้น

อังคาร ๑๓ สิงหาคม ๒๐๑๙ ๑๕:๒๗
บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) ประกาศงบไตรมาส 2/2562 รายได้รวม 3,342.61 ล้านบาท กำไรสุทธิ 166.29 ล้านบาท เพิ่ม 43.75% และ 250.82% จากงวดเดียวกันปีก่อน จากราคายางพาราที่ปรับตัวสูงขึ้นและผลิตภัณฑ์ใหม่ RSS Mixtures Rubber สำหรับเป้าหมายครึ่งหลังปี 2562 รายได้จะเติบโตตามเป้าจากคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ล่วงหน้าล้น

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆและกลุ่มผู้ค้าคนกลางทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 2/62 ว่าบริษัทมีรายได้รวม 3,342.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,017.37 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,325.24 ล้านบาท หรือคิดเป็น 43.75% และมีกำไรสุทธิ 166.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 118.89 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 47.40 ล้านบาท หรือคิดเป็น 250.82 %

ส่วนผลประกอบการครึ่งแรกปี 2562 บริษัทมีรายได้รวม 6,394.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,418.25 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,976.51 ล้านบาท หรือคิดเป็น60.81% และมีกำไรสุทธิ 267.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.56 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 166.67 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60.33 %

โดยสาเหตุที่บริษัทฯมีผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2/2562 ที่เพิ่มขึ้นจากราคายางที่มีการปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2562 โดยเป็นคำสั่งซื้อของลูกค้าตั้งแต่ช่วงต้นปี 2562 และนำมาส่งมอบในช่วงไตรมาส 2/2562 นอกจากนี้บริษัทมีการขยายกำลังการผลิตยางแผ่นผสมซึ่งเริ่มผลิตได้ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 60,000 ตัน/ปีทำให้กำลังการผลิตในปัจจุบันอยู่ที่ 292,800 ตัน/ปี อีกทั้งปริมาณการขายในประเทศเพิ่มขึ้นจากการย้ายฐานการผลิตของลูกค้าจากประเทศจีน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการแข็งค่าของเงินบาท ทั้งนี้แนวโน้มราคายางที่ปรับเพิ่มขึ้นจากปริมาณการส่งยางออกที่ลดลง

นายชูวิทย์ กล่าวถึงผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลัง ของปี 2562 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 1.35 หมื่นล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ล่วงหน้าถึงไตรมาส 3/2562 และยังมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่องจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่วนแนวโน้มราคายางพาราครึ่งปีหลังอาจจะมีการปรับตัวลดลงแต่คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 50 บาทต่อกิโลกรัม

สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างโรงงานผลิตยางแท่ง (STR20) บริษัทได้เริ่มก่อสร้างไปแล้วในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และคาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถดำเนินการผลิตได้ในปลายปี2562 ทำให้ปี 2563 กำลังผลิตยางพาราแปรรูป รวมทั้งโรงงานเพิ่มขึ้นเป็น 465,600 ตันต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 2.3 แสนตันต่อปี ซึ่งนอกจากจะช่วยผลักดันรายได้ให้เติบโตขึ้นจากขนาดธุรกิจที่เหมาะแก่การลงทุน หรือ Economy of Scale ก็จะส่งผลดีต่อกำไรสุทธิของบริษัทด้วย

"ปี 2563 บริษัทจะเกิดคำว่า Economy of Scale ในโรงงานของเราจากการขยายกำลังการผลิต 100% แต่ไม่ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการบริหารจัดการในโรงงาน ทำให้มั่นใจว่ากำไรในปีหน้าจะดีขึ้นกว่าปีนี้แน่นอน" นายชูวิทย์ กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๗ ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๑๗:๕๓ NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๑๗:๐๕ แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๑๗:๓๒ แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๑๗:๒๕ RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๑๗:๔๘ ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๑๗:๐๕ เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๑๗:๐๖ ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๑๗:๔๙ ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud
๑๗:๐๐ เปิดรับสมัครแล้ว HaadThip Fan Run 2024 แฟนรัน ฟันแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์ หาดสมิหลา จ.สงขลา