ได้สวยได้หล่อแล้วยังได้บุญ ในแคมเปญ “ไฟท์ เดอะ แฟท ออฟ"

พุธ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๐๑๔ ๑๖:๐๐
สู้สุดใจกับการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน ได้สวย ได้หล่อ แล้วยังได้บุญในแคมเปญ “ไฟท์ เดอะ แฟท ออฟ (Fight the Fat Off)”

ก้าวมาสู่ครึ่งทางแล้วสำหรับการแข่งขันลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน เพื่อสุขภาพและการกุศล ในแคมเปญ “ไฟท์ เดอะ แฟท ออฟ (Fight the Fat Off)” ที่จัดขึ้นในโอกาสที่ เอเพ็กซ์ โปรฟาวด์ บิวตี้ (Apex Profound Beauty) ผู้นำด้านนวัตกรรมความงาม เพื่อการดูแลรูปร่าง ก้าวสู่ปีที่ 20 “ยิ่งลดมาก ยิ่งดูดีมาก และได้ทำบุญมาก” เพราะทุกๆ 1 กก. ของการลดน้ำหนักจากผู้เข้าแข่งขัน จะเปลี่ยนเป็นเงินสด 2,000 บาท เพื่อนำไปบริจาคให้แก่มูลนิธิรามาธิบดี เพื่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน

ผ่านไปประมาณ 3 สัปดาห์ ผู้เข้าแข่งขันสามารถลดน้ำหนักได้แล้วตั้งแต่ 2- 7 กก. ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของ ทีมแพทย์ และผู้เชี่ยวการใช้นวัตกรรมเพื่อกำจัดไขมัน ลดสัดส่วน ตลอดจนโภชนากร และผู้เชี่ยวชาญในการออกกำลังกาย เพื่อให้ผลของการลดสัดส่วน และน้ำหนักได้ผลเป็นจริงในระยะเวลาอันรวดเร็ว และคงอยู่อย่างยั่งยืน ไม่มีผลเสียต่อสุขภาพ

โครงการลดน้ำหนัก “ไฟท์ เดอะ แฟท ออฟ (Fight the Fat Off)” ที่เอเพ็กซ์ดำเนินการขึ้นนี้ จึงมุ่งหวังให้การลดน้ำหนักในช่วงแรกมีความก้าวหน้า และเห็นผลการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนทุกครั้งของการนัดหมาย พ.ญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ กล่าวว่า "เพราะจุดเริ่มต้นมีความสำคัญมากต่อการเปลี่ยนแปลง เราจึงเลือกสรรนวัตกรรมที่ช่วยให้การลดไขมัน และสัดส่วนเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีผลเสียต่อสุขภาพใดๆ ควบคู่กับคำแนะนำในการเลือกทานอาหารที่เหมาะสม และการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี ใช้เวลาน้อย เห็นผลเร็ว ในทุกสัปดาห์จะมีการชั่งน้ำหนักวัดสัดส่วน และตรวจวิเคราะห์ลึกลงไปถึงระดับไขมันภายใน มวลกล้ามเนื้อ มวลกระดูก ปริมาณน้ำ โปรตีน และเกลือแร่ ที่มีในร่างกาย เพื่อให้ผู้เข้าแข่งขันเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แม้ในระยะแรกๆ น้ำหนักอาจจะยังลดไม่มาก เพราะร่างกายได้สร้างกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อมีน้ำหนักมากกว่าไขมันหลายเท่า แต่จะช่วยเผาผลาญไขมันในระยะยาว เราช่วยให้เขาฟื้นฟูกลไกในธรรมชาติของร่างกายที่จะติดตัวเขาตลอดไป ถ้าเขาดูแลตัวเองแบบที่อยู่กับเราในช่วง 6 สัปดาห์นี้ นั่นหมายถึงแม้จบโครงการแล้ว ผู้เข้าแข่งขันทุกคนก็จะยังคงสัดส่วน และควบคุมไม่ให้ไขมันกลับมาใหม่ได้ด้วยตัวเอง"

หนุ่มสาวที่มีโอกาสเข้าร่วมแคมเปญและสามารถลดน้ำหนักไปได้แล้ว อย่าง ทวิบดี อุณหะนันทน์ หนุ่มร่างใหญ่ที่มีน้ำหนักมากถึง 105 กก. ผ่านไป 3 สัปดาห์ สามารถลดน้ำหนักไปแล้ว 7 กก. เผยว่า “เคยพยายามลดน้ำหนักด้วยตัวเองหลายครั้ง แต่ก็กลับมาอ้วนกว่าเก่า ระยะหลังๆ นี่อดอาหาร ออกกำลังกายยังไงก็ไม่ลด จนรู้สึกท้อ จนเมื่อมีโอกาสได้ร่วมในแคมเปญนี้ ผมถึงได้เข้าใจการลดน้ำหนักที่ถูกต้องจริงๆ แค่ 3 สัปดาห์ที่ได้ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และทำ ทรีตเม้นท์เพื่อช่วยเร่งการเผาผลาญ และปรับสมดุลร่างกายเสียใหม่ เพราะเราดูแลร่างกายผิดมาตลอด ระบบการ เผาผลาญก็เสียหมด น้ำหนักที่เคยหนักถึง 105 กก.ลดลงมาเหลือ 98 กก. สวมเสื้อผ้าแล้วรู้สึกว่าเสื้อหลวมขึ้น และได้ปรับเลื่อนรูเข็มขัดเข้ามาได้ถึง 3 รู จากที่เคยอยู่แต่เพียงรูสุดท้าย ไม่เท่านั้นคุณแม่ยังเอาใจช่วยในการลดน้ำหนักครั้งนี้ โดยเป็นคนคอยดูแลจัดเตรียมเรื่องอาหารการกิน ทำให้คุณแม่ได้ควบคุมน้ำหนักตัวเองไปด้วย จากที่คุณแม่มีน้ำหนัก 85 กก. ตอนนี้ก็ลดเหลือ 78 กก. งานนี้เลยได้ดูแลรูปร่างกันทั้งแม่และลูก ซึ่งหากถามผมว่าการที่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน จากที่เป็นคนกินเยอะ ต้องมาจำกัดปริมาณให้น้อยลง รวมถึงต้องทานผักผลไม้มากขึ้น และออกกำลังกายอย่างหนัก ทั้งการเล่นเวทเทรนนิ่ง และคาร์ดิโอ เพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง พร้อมทั้งทำทรีตเม้นท์ควบคู่ไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการทำไฮเปอเทอเมียร์ หรือการบำบัดด้วยการใช้อุณหภูมิโดยการส่งพลังงานความร้อนเข้าไปได้ถึงอุณหภูมิภายในของร่างกาย (Core Temperature) เพื่อช่วยปรับสมดุลร่างกาย ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียน เพิ่มการเผาผลาญ และขับของเสียให้ออกมาทางเหงื่อ ช่วยแบ่งเบาภาระในการขับของเสียให้กับ ตับและไตอีกด้วย รวมถึงการฟื้นฟู ปรับสมดุลเซลล์ในร่างกาย เป็นวิธีการเพียงไม่กี่วิธีที่จะช่วยเพิ่ม โกรทฮอร์โมนให้กับร่างกายซึ่งมีผลทำให้ระบบเผาผลาญดีขึ้น ลดปริมาณไขมันสะสม แต่ยังคงรักษามวลกล้ามเนื้อที่จำเป็นต่อการลดไขมันในระยะยาวเอาไว้ กับเทคโนโลยีดีๆแบบนี้ ซึ่งเมื่อก่อนผมไม่เคยสนใจเลย ทั้งหมดนี้มันฝืนตัวเองมากไหม ผมว่าไม่ลำบากเลยครับ ยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกับรูปร่างของตัวเอง ยิ่งมีกำลังใจที่อยากจะทำต่อไป และเมื่อจบแคมเปญนี้ ผมก็จะยังคงพฤติกรรมตัวเองแบบนี้ จะไม่ยอมกลับไปอ้วนอีกแล้วครับ”

ส่วน กัญจน์สิน ปุณณาเสฎฐ์ ที่เวลานี้มีความสุขกับการแต่งตัวเผยว่า “การได้เข้าร่วมแคมเปญ Fight the Fat Off ในครั้งนี้ ยอมรับเลยว่า การดำเนินชีวิตทุกวันนี้มีวินัยอย่างมาก เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่ผมเป็นคนต่อสู้กับการลดความอ้วนมาหลายรูปแบบ แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จ การที่เราดูแลตัวเองตามคำแนะนำ และได้ทรีตเม้นท์ต่างๆช่วยเสริม อาทิ Zelona ที่ช่วยสลายเซลล์ไขมัน และ 4D Slim ที่จะช่วยกระชับหน้าท้อง และสลายไขมัน ทำให้เห็นผลได้ชัดเจน รวดเร็วเป็นกำลังใจให้เรามีวินัยที่จะดูแลตัวเองมากขึ้น จากน้ำหนัก 76 กก. เพียง 3 สัปดาห์น้ำหนักลดลงไป 7 กก. เหลือ 69 กก. ซึ่งสำหรับคนในวัย 39 ปี แล้วลดได้ขนาดนี้ ในเวลาเท่านี้เป็นเรื่องที่ยากมาก โดยมีความตั้งใจจะลดลงไปให้เหลือ 65 กก. ตอนนี้จึงมีความมั่นใจในรูปร่างของตัวเอง และสนุกกับการแต่งตัวมากยิ่งขึ้น”

ในขณะที่ ศรีวรา อารยวงษ์กุล สาวผู้มีปัญหาเรื่องสัดส่วนเฉพาะที่เผยว่า “แม้ว่ารูปร่างของตัวเองจะดูเหมือนไม่อ้วน แต่เมื่อคำนวณมวลต่างๆ ของร่างกายแล้วนั้น จัดว่าเกินมาตรฐานเช่นกัน พอยิ่งวัดหาค่าแบบลงรายละเอียด ยิ่งพบปัญหาเฉพาะจุดกับสัดส่วนส่วนเกินช่วงล่าง ทั้งหน้าท้อง สะโพก ต้นขา ซึ่งลดยากมาก เคยพยายามลดและออกกำลังกายด้วยตัวเองแต่ก็ไม่สำเร็จ ดีใจที่ได้เข้าร่วมแคมเปญนี้ ไม่เพียงสัดส่วนที่เป็นปัญหาจะลดลง หน้าท้องแบนราบ สะโพกและต้นขาเล็กลงโดยรวมประมาณ 31.5 ซม. จนไม่อยากเชื่อตัวเองเช่นกันค่ะว่า จะมีโอกาสขาเล็กกับเขาได้บ้าง ในขณะที่น้ำหนักของตัวเองก็ลดลงตามไปด้วย โดยลดลงไปถึง 3 กก.”

และ ปุณณภา กิตติชินธนา เผยว่า “ทุกวันนี้การรับประทานอาหารจะงดแป้ง และเน้นทานผักผลไม้ให้มาก โดยจะมีการ จดบันทึกอาหารที่รับประทานทุกมื้อ เพื่อเช็คดูว่ามื้อไหนเราละเลย และมื้อต่อไปเราจะทานอะไร จะมีการวางแผนทุกครั้ง ร่วมกับการออกกำลังกาย ถึงแม้ว่าน้ำหนักจะยังลงไม่มากเท่าเพื่อนคนอื่นๆ จากเดิมที่น้ำหนัก 65 กก. ตอนนี้ลดลงมาเหลือที่ 63 กก. แต่เวลาใส่เสื้อผ้าก็รู้สึกได้ว่าเสื้อผ้านั้นหลวมขึ้น ไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งจุดประสงค์ที่มาเข้าในแคมเปญ Fight the Fat Off นี้ เพื่อต้องการดูแลสุขภาพ และป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ที่อาจส่งผลมาจากความอ้วน เพราะทุกวันนี้มีบ้างบางครั้งที่เดินแล้วรู้สึกเจ็บข้อเท้า เจ็บหัวเข่า จึงไม่อยากชะล่าใจ และหาวิธีที่จะลดความอ้วนให้ได้ แม้จะไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องลดน้ำหนักให้ได้เท่าไร เพราะไม่อยากกดดันตัวเอง คิดเพียงว่าถ้าลดน้ำหนักได้ตามสเต็ปที่คุณหมอ และเทรนเนอร์วางไว้ ก็น่าจะเป็นกำลังใจพอที่จะให้เราอดทนควบคุมอาหารออกกำลังกาย เพื่อให้น้ำหนักที่ลดลงไปได้อีก”

มาร่วมลุ้นกันว่าใครกันที่จะเป็นผู้ที่ลดน้ำหนักได้มากที่สุด ในระยะเวลา 6 สัปดาห์ เพื่อพิชิตรางวัลทรีตเม้นท์การดูแลรูปร่างมูลค่า 200,000 บาท พร้อมทั้งยังได้ร่วมทำบุญอีกด้วย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๗ ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๑๗:๕๓ NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๑๗:๐๕ แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๑๗:๓๒ แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๑๗:๒๕ RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๑๗:๔๘ ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๑๗:๐๕ เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๑๗:๐๖ ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๑๗:๔๙ ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud
๑๗:๐๐ เปิดรับสมัครแล้ว HaadThip Fan Run 2024 แฟนรัน ฟันแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์ หาดสมิหลา จ.สงขลา