11 ตุลา วันสายตาโลก “แว่นท็อปเจริญ” ชวนร่วมกิจกรรม Phone-Free Day ลดแชท ละจอ เพื่อขอให้สายตาได้พักเพิ่มมากขึ้น

จันทร์ ๐๑ ตุลาคม ๒๐๑๘ ๑๗:๐๗
ในปัจจุบัน เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าอุปกรณ์ดิจิทัลหน้าจอสี่เหลี่ยม เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของมนุษย์ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็ก วัยรุ่น วัยทำงานหรือแม้กระทั่งวัยสูงอายุ มักมีอุปกรณ์เหล่านี้กันอย่างน้อยคนละ 1 เครื่อง โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนที่กลายเป็นอวัยวะส่วนที่ 33 ของมนุษย์ไปแล้ว แว่นท็อปเจริญ จึงได้เชิญ นายแพทย์นพวุฒิ ตรีพรชัยศักดิ์ จักษุแพทย์แห่งศูนย์รักษาตาท็อปเจริญ มาเผยให้เห็นถึงข้อมูลสำคัญและการดูแลถนอมสายตา พร้อมเชิญชวนร่วมรณรงค์ในกิจกรรม Phone-Free Day ลดแชท ละจอ เพื่อขอให้สายตาได้พักเพิ่มมากขึ้น

นายแพทย์นพวุฒิ ตรีพรชัยศักดิ์ จักษุแพทย์แห่งศูนย์รักษาตาท็อปเจริญ เปิดเผยว่า "เมื่อเร็วๆ นี้ สมาคม American Optometrist Associations เผยถึงความกังวลว่า ผลกระทบระยะยาวที่เกิดขึ้นจากการใช้งานอุปกรณ์ดิจิทัล ซึ่งโดยเฉลี่ยมีการใช้โทรศัพท์มือถือ 7 ชั่วโมงต่อวัน และพบว่าในเด็กอายุ 10-12 ปี เกือบ 50% มีโทรศัพท์มือถือเป็นของตัวเอง และใช้อุปกรณ์เหล่านี้มากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน และยังพบปัญหาอีกว่า 60% บ่นว่ามีอาการตาล้า ตาแห้ง ปวดตา ตาพร่ามัวจากการใช้อุปกรณ์ดิจิทัล และยังเป็นผลทำให้คนมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการระคายเคืองของดวงตา ปวดหัว ปวดตา และตามัวลงแบบถาวรได้ถ้าไม่รีบป้องกัน เนื่องจากเกิดภาวะกล้ามเนื้อตาล้ามากเกินไปอาจทำให้ตาอ่อนแรงและอักเสบได้ หรือแม้กระทั่งแสงสว่างที่จ้องมองนานๆ โดยเฉพาะแสงสีฟ้าจากจอสมาร์ทโฟน ซึ่งสามารถผ่านเข้าตาส่วนลึกคือบริเวณจอตา ทำให้เกิดผลเสียต่อจอตาได้เป็นอย่างมาก เพราะแสงสีฟ้าจะถูกดูดซึมโดยชั้น RPE (retinal pigment epithelium) โดยมีปฏิกิริยาเกิดโมเลกุลพิษไปทำร้ายเซลล์รับภาพในจอตา (photoreceptor cell) ทำให้เซลล์รับภาพตายลงในที่สุด"

การใช้ชีวิตอยู่กับอุปกรณ์ดิจิทัลมากเกินไป จึงไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลกระทบต่อสายตาเป็นอย่างมาก อันได้แก่ 1. ภาวะตาล้า เกิดขึ้นเมื่อดวงตาอ่อนล้าจากการใช้งานหนัก เช่น คุยแชท ดูหนังเป็นเวลานานๆ การอ่านตัวหนังสือที่มีขนาดเล็กมากเกินไป โดยทั่วไปแล้วอาการเหล่านี้จะหายเองเมื่อได้พักสายตา แต่บางครั้งก็อาจเกิดภาวะรุนแรงกับดวงตาเพิ่มมากขึ้นก็เป็นได้ 2. ตาเพ่งมองระยะใกล้ค้าง เกิดจากภาวะความผิดปกติของสายตาที่ไม่สามารถรับแสงหักเหจากวัตถุที่มาโฟกัสตรงจอตาได้อย่างพอดี ส่งผลให้มองเห็นวัตถุดังกล่าวไม่ชัด ต้องจ้องหรือเพ่งมองใกล้ๆ หรี่ตา ซึ่งอาจนำไปสู่การปวดกระบอกตารุนแรง เกิดภาวะสายตาสั้นเทียม หรือพบการเปลี่ยนแปลงสายตาที่สั้นเพิ่มเร็วขึ้นในเด็ก 3. ความสว่างหน้าจอ โดยเฉพาะการใช้สมาร์ทโฟนในที่มืดหรือแสงสว่างน้อยจะทำให้มีอาการปวดตาหรือปวดศีรษะ เนื่องจากรูม่านตาที่คอยปกป้องดวงตาจะทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ เป็นผลให้เกิดอาการ ตาพร่ามัวเป็นเงาดำ ปวดตา แสบตา รวมทั้งตาแดงได้ และไม่เฉพาะเจาะจงที่สมาร์ทโฟนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต ทีวีหรืออุปกรณ์ดิจิทัลที่เกี่ยวข้อง ก็สามารถบั่นทอนศักยภาพในการเติบโตของสมองและเสี่ยงต่อการเป็นโรคทางสายตา ปวดต้นคอ หลังและไหล่ หรือโรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม (computer vision syndrome) ได้เช่นกัน

นายแพทย์นพวุฒิ กล่าวเสริมว่า เนื่องในวันที่ 11 ตุลาคม 2561 นี้ ตรงกับ วันสายตาโลก (World Sight Day2018) แว่นท็อปเจริญ จึงขอรณรงค์เพื่อเชิญชวนทุกคนหันมาดูแลสายตาและสุขภาพดวงตาของตนเอง หยุดพฤติกรรมเดิมๆ ด้วยการลดแชท ละจอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อให้สายตาได้พักเพิ่มมากขึ้น เปลี่ยนวิธีการคุยแชทผ่านสมาร์ทโฟนมาเป็นการนั่งคุยกัน นัดประชุมงานร่วมกัน หรือนั่งรับประทานอาหารร่วมกัน และหากหลีกเลี่ยงจอไม่ได้ให้พยายามหาเวลาพักสายตาด้วยการมองออกไปไกล 20 เมตร นาน 20 วินาที ทุกๆ 20 นาที หลีกเลี่ยงการใช้สายตาในที่ที่มีแสงสว่างไม่เหมาะสมหรือมีแสงสะท้อนมาก และหากอยู่กลางแสงจ้าติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ควรสวมแว่นกันแดดที่มีคุณภาพป้องกันแสง UV เข้าสู่ดวงตาได้จริง สำหรับคนที่สวมแว่นควรเลือกใช้เลนส์ที่เหมาะกับค่าสายตาของตัวเอง โดยหมั่นตรวจวัดสายตาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้เลนส์สำหรับประกอบแว่นสายตาหรือคอนแทคเลนส์ที่ตรงกับค่าสายตาของตัวเองมากที่สุด ควรพักสายตาจากการทำงานกับหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือจากการอ่านหนังสือเป็นระยะๆ เพื่อเลี่ยงอาการผิดปกติทางสายตาต่างๆ ตลอดจนควรหมั่นสังเกตว่ามีอาการอื่นๆ เช่น มองไม่ชัดกะทันหัน ตามัว ปวดตา ตาแดง มีจุดดำลอยไปมา เป็นต้น เนื่องจากอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณอันตราย หากเกิดอาการดังกล่าว ควรรีบพบแพทย์ทันที

ทั้งนี้ บุคคลทั่วไปยังสามารถขอเข้ารับบริการตรวจวัดสายตาและสุขภาพดวงตาฟรี โดยหมอสายตาหรือนักทัศนมาตร(Doctor of Optometry) และทีมผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาระดับมืออาชีพที่ร้านแว่นท็อปเจริญทุกสาขาใกล้บ้านคุณ พร้อมติดตามรายละเอียดโครงการแว่นตาเพื่อสังคมอื่นๆ ที่จัดขึ้นโดยแว่นท็อปเจริญ ทั้งโครงการแว่นตาผู้สูงวัยในสมเด็จพระเทพรัตนฯ โครงการแว่นตาเพื่อน้อง โครงการแว่นตาเพื่อพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนใต้ และโครงการอื่นอีกๆ มากมาย ได้ที่ Facebook.com/TopCharoenOpticalOfficial เว็บไซต์ www.topcharoen.co.th ไลน์ @top_charoen หรือโทร. 02–612–4170

"ดวงตาของเรามีแค่คู่เดียว...จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องดูแลไว้ให้ดีที่สุด"

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๐:๕๙ อแมนด้า ชาร์ลีน ออบดัม VICHY LIFTACTIV BRAND PARTNER ตัวแทนประเทศไทย ร่วมงาน 'V.I.C VICHY INTEGRATIVE CENTER' อีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่ในรอบ 5 ปี ของแบรนด์ VICHY (วิชี่) อวดลุคเซ็กซี่สุดฮอต สวย ปัง
๒๖ เม.ย. ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๒๖ เม.ย. NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๒๖ เม.ย. แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๒๖ เม.ย. แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๒๖ เม.ย. RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๒๖ เม.ย. ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๒๖ เม.ย. เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๒๖ เม.ย. ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๒๖ เม.ย. ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud