อัพจอห์น ประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการป้องกันและรักษากลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)

อังคาร ๑๗ กันยายน ๒๐๑๙ ๑๖:๑๓
- ผู้ป่วยกลุ่มโรค NCDs ไทยในปัจจุบันมีจำนวน 10.5 ล้านคน

- ผู้ป่วยกลุ่มโรค NCDs ที่อัพจอห์น ประเทศไทย สามารถเข้าถึงและให้การดูแลด้วยผลิตภัณฑ์ของอัพจอห์นมีจำนวน 6.2 ล้านคน

- ภารกิจของอัพจอห์น ประเทศไทย ในปี 2020 (พ.ศ. 2563) ตั้งเป้าที่จะเข้าถึงผู้ป่วย 1.5 ล้านคน

- ภารกิจของอัพจอห์น ประเทศไทย ในปี 2025 (พ.ศ. 2568) ตั้งเป้าที่จะเข้าถึงผู้ป่วย 2 ล้านคน

อัพจอห์น ประเทศไทย ประกาศเจตนารมณ์และแผนกลยุทธ์เพื่อพัฒนาสุขภาพผู้ป่วยและบรรเทาปัญหาของกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) โดยนำเสนอยาที่เชื่อถือได้และมีคุณภาพให้กับผู้ป่วยทุกคนในทุกพื้นที่ อัพจอห์นมุ่งขยายขีดความสามารถในการรักษาและป้องกันกลุ่มโรค NCDs ในประเทศไทย จึงเปิดตัวบริษัท อัพจอห์น (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อส่งเสริมให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพดี โดยตั้งเป้าที่จะเข้าถึงผู้ป่วยจำนวนมากกว่า 1.5 ล้านคนในปี 2563 และจำนวน 2 ล้านคนในปี 2568 หรือร้อยละ 33 ของผู้ป่วยกลุ่มโรค NCDs ในประเทศไทยทั้งหมด

นายพิชิตชัย จักรไพศาล ผู้จัดการทั่วไป - ประเทศไทยและอินโดไชน่า บริษัท อัพจอห์น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "อัพจอห์นมุ่งเน้นในการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับอัพจอห์นในฐานะหนึ่งในผู้นำในการรับมือกับกลุ่มโรค NCDs โดยการสร้างความน่าเชื่อถือ พร้อมแสดงให้เห็นว่าเรามีกลุ่มยารักษาโรคที่มีคุณภาพสูง และการสนับสนุนจากความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ของเรา ทั้งนี้ เราพบว่าร้อยละ 15 ของคนไทยเป็นผู้ป่วยกลุ่มโรค NCDs หรือเท่ากับมีผู้ป่วยกลุ่มโรค NCDs ถึง 10.5 ล้านคน ในขณะที่มีคนไทย 40 คนที่เสียชีวิตด้วยกลุ่มโรค NCDs ทุกๆ ชั่วโมง หรือเทียบเท่ากับคนไทย 1,000 คนเสียชีวิตด้วยกลุ่มโรค NCDs ในแต่ละวัน หรือมีคนไทยจำนวน 350,000 คนที่เสียชีวิตด้วยกลุ่มโรค NCDs ในแต่ละปี ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่ากลัว อย่างไรก็ตาม มีครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดที่สามารถรอดชีวิตได้หากได้รับการป้องกันและรักษาที่มีประสิทธิภาพ"

"เราอยากช่วยคนไทยให้มีสุขภาพดีไปตลอดชั่วอายุขัย เรามีกลุ่มยา 20 ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในประเทศไทย รวมทั้งการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบหัวใจและหลอดเลือด โรคข้อเสื่อม โรคระบบทางเดินปัสสาวะ โรคทางระบบจิตเวช และโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่นๆ เรามุ่งเน้นภารกิจในการให้บริการผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ โรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน และร้านค้ารายย่อย แผนกลยุทธ์ที่เราวางไว้จะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงผู้ป่วยได้มากกว่า 1.5 ล้านคนภายในปี 2563 และ 2 ล้านคนในปี 2568 หรือร้อยละ 33 ของผู้ป่วยกลุ่มโรค NCDs ในประเทศไทยทั้งหมด" นายพิชิตชัย กล่าว

ดร. ซาชิน รุสตากี ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนา - ประเทศไทยและอินโดไชน่า บริษัท อัพจอห์น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "กลุ่มโรค NCDs เป็นหายนะภัยที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ และเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตและทุพพลภาพ โดยพบว่าร้อยละ 71 ของการเสียชีวิตทั่วโลกหรือจำนวน 41 ล้านคน เกิดขึ้นจากกลุ่มโรค NCDs โดยเกือบร้อยละ 85 ของการเสียชีวิตจำนวน 41 ล้านคนนี้เกิดขึ้นในประเทศเกิดใหม่ (Emerging markets) และมากกว่า 3 ใน 4 ของการเสียชีวิตเป็นการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรที่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้ ซึ่งหากเราไม่คิดจะทำอะไรเกี่ยวกับปัญหานี้ เราอาจต้องสูญเสียเงินกว่า 7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่หากมีการวางมาตรการป้องกันปัญหา เราจะมีค่าใช้จ่ายทั่วโลกประมาณ 170,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ"

เมื่อพิจารณาในด้านความรุนแรงของ 4 โรคหลักในกลุ่มโรค NCDs (โรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคเบาหวาน) ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการเกิดกลุ่มโรคดังกล่าว คือ การกินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบอันตราย การไม่ออกกำลังกาย และการ สูดดมมลพิษทางอากาศ

"เราต้องยอมรับว่า ปัจจุบันเรายังไม่มีมาตรฐาน ข้อกำหนด และมาตรการตรวจสอบและดูแลที่เพียงพอในการรับมือ รวมถึงไม่มีมาตรการที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพที่จะช่วยลดผลกระทบต่างๆ ของโรค NCDs จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่ต้องสร้างความร่วมมือให้เกิดขึ้นระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันจัดการกับกลุ่มโรคที่สำคัญเหล่านี้โดยเฉพาะ เราจำเป็นต้องสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ภาคธุรกิจ และผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งภาคประชาชน เพื่อนำนโยบายที่เร่งด่วนนี้ไปปฏิบัติให้เห็นผลเป็นรูปธรรม สำหรับอัพจอห์น เรามุ่งเน้นในด้านการช่วยบรรเทาปัญหาของกลุ่มโรค NCDs โดยนำเสนอยาที่เชื่อถือได้และมีคุณภาพให้กับผู้ป่วย ทุกคนในทุกพื้นที่ พร้อมตั้งเป้าหมายในการรักษาผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 225 ล้านคนทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยภายในปี 2568" ดร.ซาชิน กล่าว

อัพจอห์นได้เปิดตัวโครงการ "ทำวันนี้ เพื่ออนาคต (Act Today for Tomorrow)" ทั่วโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการตระหนักรู้ถึงความเร่งด่วนและตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษากลุ่มโรค NCDs ด้วยผลิตภัณฑ์ของอัพจอห์น เพื่อช่วยผู้ป่วยให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ แม้มีปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถควบคุมได้ต่อการเผชิญกับกลุ่มโรค NCDs ในอนาคต

"ในฐานะที่เราเป็นหนึ่งในผู้นำในการรับมือกับกลุ่มโรค NCDs เรามีบทบาทสำคัญที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในอนาคตด้วยการบริหารจัดการที่ดีในวันนี้ โครงการ "ทำวันนี้ เพื่ออนาคต (Act Today for Tomorrow)" มีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยให้คนไทยมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นพร้อมสุขภาพที่แข็งแรงตลอดทั้งช่วงชีวิต ซึ่งสามารถบรรลุผลสำเร็จได้ใน 3 แนวทางสำคัญ คือ แนวทางแรก ในส่วนของผู้ป่วย เราจะสร้างความตระหนักเรื่องมาตรการป้องกันโรคเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี ยกตัวอย่างเช่น คนเราจำเป็นต้องออกกำลังกาย ตรวจสุขภาพ ดูแลตัวเอง และไปพบแพทย์หากเจ็บป่วย แนวทางที่สอง ในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ อัพจอห์นจะคอยให้การสนับสนุนข้อมูลความก้าวหน้าทางการแพทย์และผลการวิจัยทางคลินิกในการประชุมเชิงวิชาการต่างๆ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ได้รับข้อมูลล่าสุดทางการแพทย์ และแนวทางสุดท้าย อัพจอห์นมุ่งเน้นในการนำเสนอยาที่มีคุณภาพให้กับผู้ป่วย ในขณะเดียวกัน เรารับประกันว่าเรามียาเพียงพอและมีผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมในราคาที่เหมาะสมและมีคุณภาพให้กับผู้ป่วยทุกคนในทุกพื้นที่" นายพิชิตชัย กล่าวสรุป

เกี่ยวกับอัพจอห์น

ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 130 ปีในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย อัพจอห์นพร้อมยกระดับผลิตภัณฑ์ ประสบการณ์ระดับโลกและความเชี่ยวชาญ เพื่อเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้สำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการพัฒนาสุขภาพให้กับผู้ป่วย เรามุ่งเน้นในการช่วยบรรเทาปัญหาของกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) โดยนำเสนอยาที่เชื่อถือได้และมีคุณภาพให้กับผู้ป่วยทุกคนในทุกพื้นที่ พร้อมตั้งเป้าให้การดูแลสุขภาพแก่ผู้ป่วยรายใหม่รวม 225 ล้านคนภายในปี ค.ศ. 2025 (พ.ศ. 2568) อัพจอห์นมีกลุ่มยารวม 20 ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในอุตสาหกรรม พร้อมทั้งความเชี่ยวชาญระดับโลกในเชิงพาณิชย์ การผลิต และการแพทย์ ในกว่า 120 ประเทศ โดยมีพนักงานทั่วโลกประมาณ 11,000 คนที่ทำงานด้วยความรวดเร็ว มีโฟกัสที่ชัดเจน และมีความยืดหยุ่น เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ป่วยทั่วโลกสามารถเข้าถึงการดูแลด้านสุขภาพได้ตามความจำเป็น

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๑:๑๕ TRP คว้ารางวัลเกียรติยศ Siamrath Awards 2024 ตอกย้ำ ผู้นำศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะบนใบหน้าของประเทศไทย
๑๑:๔๖ ผถห.PIMO-ไพโม่ อนุมัติปันผลงวดครึ่งหลังปี 66 หุ้นละ 0.03 บาทต่อหุ้น
๑๑:๑๘ การประชุมเตรียมงาน10 รอบ นักษัตรพระราชสมภพ
๑๑:๐๓ ผู้บริหารบางจากฯ แบ่งปันประสบการณ์เส้นทางการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เชิญชวนช่วยกัน ลด ละ เริ่ม เพื่อโลกยั่งยืน ในงานสัมมนา Go Green 2024 : The Ambition of
๑๐:๑๔ 1 พ.ค. นี้ เตรียมพบกับฟิตเนสแห่งใหม่ ใจกลางศรีนครินทร์ กับบริการครบครัน ใกล้บ้านคุณ BB FITNESS@พาราไดซ์
๑๐:๑๐ HUAWEI Band 9 จับมือ 3 แพลตฟอร์ม Amado Shopping ช่องทางออนไลน์ Lazada และ Shopee ให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์สมาร์ทวอทช์ด้วยราคาสมาร์ทแบนด์
๑๐:๔๙ ห้องอาหาร นิมมาน บาร์ แอนด์ กริล พร้อมเสิร์ฟความอร่อยแบบจัดเต็มกับ เทศกาลบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น สุดพิเศษ และ บุฟเฟ่ต์ Carvery Night
๑๐:๓๔ TSPCA จัดประชุมสามัญประจำปี 2567 เตรียมความพร้อมสู่สามทศวรรษสวัสดิภาพสัตว์เพื่อก่อเกิด สวัสดิภาพคน
๑๐:๓๒ พด. มุ่งพัฒนาศักยภาพดินในพื้นที่ปลูกพืช GI เสริมศักยภาพเกษตรกร เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน
๑๐:๐๔ ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ มอบของบริจาค พร้อมเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านมหาเมฆ