มะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสี อันตรายที่หลายคนอาจมองข้าม

ศุกร์ ๐๔ ตุลาคม ๒๐๑๙ ๐๙:๓๒
เชื่อว่าโรคมะเร็งเป็นโรคร้ายที่ผู้คนหวาดกลัวมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ แต่ในขณะเดียวกันหลายคนกลับมองข้ามปัจจัยเสี่ยงและละเลยที่จะป้องกันตนเองจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่ก่อให้เกิดมะเร็ง

เพราะความเคยชินในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การที่คนไทยเคยชินกับแสงแดดอันรุนแรง จนอาจไม่ทันฉุกคิดว่าแสงแดดจะนำอันตรายอะไรมาสู่ผิวหนังเราได้บ้าง โดยเฉพาะการก่อโรคมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสี

ผศ. พญ. สุธินี รัตนิน จากสาขาวิชาโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี อธิบายว่า "ถึงแม้มะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสี หรือเมลาโนมา (Melanoma) จะเป็นมะเร็งที่พบได้ไม่บ่อย แต่ก็เป็นมะเร็งผิวหนังชนิดร้ายแรงที่สุด ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ป่วยจำนวนมากขึ้นที่มีความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของเซลล์เม็ดสีที่สามารถพัฒนากลายเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสีได้ และพบการเกิดของมะเร็งชนิดนี้ในประเทศไทยมากถึง 500 รายต่อปี"

ไฝและมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสีนั้นบางครั้งแยกออกจากกันได้ยากโดยเฉพาะมะเร็งเม็ดสีระยะเริ่มต้น ทำให้ผู้ป่วยหลายคนเผลอมองข้ามไม่ทันระวัง และปล่อยให้ลุกลามจนเป็นอันตรายต่อชีวิต ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยจึงควรหมั่นตรวจเช็กร่างกายอยู่เสมอ ซึ่งการตรวจสอบด้วยตนเองว่าไฝที่มีอยู่เป็นไฝปกติหรือเป็นอาการของโรคมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสี หรือมะเร็งผิวหนังชนิดอื่นๆ สามารถทำได้โดยการสังเกตการเปลี่ยนแปลงง่ายๆ เช่น ไฝโตเร็วกว่าปกติ สีเปลี่ยนแปลง มีเลือดออก หรือเป็นแผลเรื้อรังรักษาไม่หาย พิจารณาประกอบกับประวัติโรคมะเร็งผิวหนังของคนในครอบครัว การมีไฝเป็นจำนวนมาก หรือเคยถูกแสงแดดไหม้บ่อยครั้งในวัยเด็ก ทั้งนี้การตรวจร่างกายเบื้องต้นเพื่อดูลักษณะของไฝว่าผิดปกติหรือไม่ สามารถทำได้โดยสังเกตว่าไฝมีรูปร่างสมมาตรหรือไม่ มีการเปลี่ยนแปลงของรูปร่าง ขอบเขต สี และขนาดของไฝ ซึ่งเป็นหลักง่ายๆ ที่เรียกว่า ABCDE ดังนี้:

- A – Asymmetry คือลักษณะที่ไฝมีรูปร่างไม่สมมาตร

- B – Border Irregularity คือลักษณะที่ไฝมีเส้นขอบไม่เรียบ

- C – Color Variation คือการที่ไฝมีสีไม่สม่ำเสมอตั้งแต่ 2 สีขึ้นไป

- D – Diameter ไฝที่มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสี มักมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่า 6 มม.

- E- Evolution มีการเปลี่ยนแปลงของไฝอย่างรวดเร็ว เช่น โตขึ้น แตกเป็นแผล เป็นต้น

ตัวอย่างภาพที่แสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างไฝและมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสี

ไฝ มะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสี

หากตรวจสอบด้วยตนเองแล้วสงสัยว่าอาจเข้าข่ายอาการของโรคมะเร็ง ผิวหนังชนิดเม็ดสี แนะนำให้เข้ารับการตรวจวินิจฉัยด้วยการตัดชิ้นเนื้อทางผิวหนังส่งตรวจทางพยาธิวิทยา (Skin Biopsy) เพื่อตรวจหาเซลล์มะเร็ง ซึ่งเป็นวิธีการตรวจวินิจฉัยที่ยืนยันได้ดีที่สุด

"อาการเริ่มแรกของมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสีจะมีลักษณะคล้ายไฝ แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงขนาด สี รูปร่าง และขอบเขตอย่างรวดเร็ว มีการแตกเป็นแผล และสามารถลุกลามแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลือง และอวัยวะอื่นๆ เช่น ตับ ปอด กระดูก และสมอง" นพ. ธัช อธิวิทวัส จากหน่วยมะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ให้ข้อมูลเพิ่มเติม

ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสี ได้แก่ การสัมผัสกับแสง UV บ่อยๆ หรือการทำงานกลางแสงแดด เชื้อชาติ โดยคนผิวขาวและผมสีบลอนด์จะมีโอกาสเสี่ยงสูง

เพราะมีเม็ดสีที่ผิวหนังน้อยทำให้ความสามารถในการป้องกันเซลล์ผิวหนังจากแสง UV น้อยกว่าคนผิวคล้ำ การเข้ารับการรักษาด้วยรังสีบำบัดและการมีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน

สำหรับการรักษานั้นในระยะเริ่มต้นแพทย์จะใช้วิธีการรักษาด้วยการผ่าตัดผิวหนังบริเวณที่มีก้อนร่วมกับการตัดต่อมน้ำเหลืองในบริเวณข้างเคียง ซึ่งจะดำเนินการโดยศัลยแพทย์ตกแต่ง แต่เนื่องจากมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสีสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ง่ายและมีโอกาสแพร่กระจายไปยังอวัยวะต่างๆ แพทย์จึงอาจใช้การฉายรังสีหรือให้ยาบางชนิด เช่น ยารักษาที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy)

หรือยารักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) ร่วมด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ

สำหรับการรักษาในผู้ป่วยระยะลุกลาม แพทย์ยังสามารถเลือกใช้ยาทั้งสองชนิดดังกล่าว คือ ยารักษาที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน หรือยารักษาแบบมุ่งเป้าในการรักษาได้เช่นกัน โดยยาทั้งสองกลุ่มนี้มีข้อมูลการศึกษาทางการแพทย์ว่ามีประสิทธิภาพที่ ดีกว่ายาเคมีบำบัดและมีผลข้างเคียงน้อยกว่า แต่การรักษาด้วยยาทั้งสองกลุ่มนี้อาจมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ทางที่ดีจึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับรังสี UV และไปพบแพทย์ทันทีเมื่อพบความผิดปกติของผิวหนัง

โรคมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสีเป็นโรคที่มีความรุนแรง แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางรักษาและป้องกันที่สำคัญอย่ามองข้ามความเคยชินหรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกาย หมั่นตรวจเช็กและดูแลตนเองอยู่เสมอ เพื่อรักษาสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคมะเร็ง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๐:๕๔ ผถห.SAFEอนุมัติปันผลอีก 0.15 บ./หุ้น รวมทั้งปีจ่าย 0.805 บ.
๑๐:๕๕ การเงินธนาคาร ขอเชิญร่วมงานสัมมนา Future Bank ธนาคารยุคหน้า ลูกค้าได้อะไร ?
๐๙:๔๔ ผถห. LEO โหวตจ่ายปันผล 0.16 บ./หุ้น รับทรัพย์ 14 พ.ค.นี้
๐๙:๕๔ ซื้อพี่ฮัท แถมน้องฮัท ได้อิ่มอร่อยพิซซ่าทั้งขอบสเปเชียล ถาดกลาง
๐๙:๒๒ EKH จับมือ ฟินอินชัวรันส์ฯ มอบประกันอุบัติเหตุคู่แม่ลูก
๐๙:๑๒ เปิดงาน สถาปนิก'67 รวมคนวงการก่อสร้าง-ออกแบบ-อสังหาริมทรัพย์
๐๙:๕๔ ร่วมค้นพบความอร่อยชั้นเลิศจากวัตถุดิบอันล้ำค่ากับ อาร์ติโชคและเห็ดทรัฟเฟิล ณ ห้องอาหารเรดสกาย โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ
๐๙:๒๐ ทีทีบี วางกลยุทธ์สู่การธนาคารเพื่อความยั่งยืน สนับสนุนลูกค้าธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นธุรกิจที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วย Green Transition
๐๙:๑๓ ผถห. FVC ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.01 บาทต่อหุ้น จ่อ XD 9 พ.ค.นี้
๐๙:๕๓ เซ็นทารา ไลฟ์ นำเสนออิสระแห่งการพักผ่อนและความสะดวกสบาย มอบสิทธิประโยชน์เฉพาะสำหรับสมาชิก CentaraThe1