นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ( บีโอไอ )เปิดเผยถึงผลสำรวจโครงการศึกษาและวิเคราะห์ความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติในประเทศไทยประจำปี 2552 ซึ่งจัดทำระหว่างเดือนเมษายน — มิถุนายน 2552 และมีบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน และบริษัทที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 576 ราย พบว่า ไม่มีนักลงทุนรายใดมีแผนที่จะถอนการลงทุนออกจากประเทศไทยเลย
โดยนักลงทุนร้อยละ 60 ระบุว่า ยังคงรักษาระดับการลงทุนในประเทศไทยเท่ากับปัจจุบัน ส่วนนักลงทุนร้อยละ 25 มีแผนที่จะขยายกิจการเล็กน้อย และนักลงทุนร้อยละ 5 มีแผนที่จะขยายการลงทุนในไทยเป็นจำนวนมาก โดยเหตุผลหลักๆ ในการตัดสินใจขยายการลงทุนในประเทศไทยต่อไป คือ อัตราค่าจ้างแรงงานที่เหมาะสม สิทธิประโยชน์และมาตรการส่งเสริมการลงทุนของ บีโอไอ รวมทั้งความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานในไทย แรงงานที่มีฝีมือ ตลอดจนความพร้อมของอุตสาหกรรมสนับสนุน เช่น วัตถุดิบและชิ้นส่วนที่มีคุณภาพ
อย่างไรก็ตาม การสำรวจยังพบว่า นักลงทุนร้อยละ 8 มีแผนลดขนาดการลงทุนในประเทศไทยเล็กน้อย และมีนักลงทุนประมาณร้อยละ 3 อาจจะลดขนาดการลงทุนในไทยลงอย่างมาก โดยมีสาเหตุจากปัจจัยภายเป็นหลัก คือ สภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย รองลงมาเป็นเรื่องเสถียรภาพทางการเมืองของไทย ตามด้วยกระบวนการทำงานของภาครัฐที่ไม่มีความโปร่งใส และเศรษฐกิจไทยไม่มีเสถียรภาพ
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจในครั้งนี้พบว่า นักลงทุนต่างชาติต้องการให้บีโอไอปรับปรุงการบริการในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ โดยอันดับแรกคือ การประสานงานกับหน่วยราชการอื่น ๆ เช่นกรมศุลกากร กรมสรรพากร รองลงมาเป็นเรื่องการให้บริการภายหลังได้รับการส่งเสริม และการปรับปรุงกฎระเบียบให้มีความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น