นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ได้แจ้งขอความช่วยเหลือมายัง ปคม.โดยแจ้งว่าถูกหลอกไปบังคับค้าประเวณีที่ประเทศบาห์เรน จึงได้ประสานกรมการกงสุลและประสานไปยังตำรวจหน่วยปราบปรามของบาห์เรน (CID) ทำการช่วยเหลือ น.ส.เอ กับพวกรวม ๓ คน โดยผู้เสียหายให้การว่า นางภาวดี เขื่อนเพชรกับพวก โทรศัพท์มาชักชวนให้ไปทำงานที่ประเทศบาห์เรน เป็นพนักงานต้อนรับแขกในบาร์ ได้รับค่าจ้างเดือนละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท โดยนางภาวดีอ้างว่าไม่มีการขายบริการทางเพศและจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมดให้ก่อน แต่เมื่อไปถึงประเทศบาห์เรน ปรากฏว่า นางภาวดีได้กักขังและบังคับให้ น.ส.เอ ค้าประเวณีกับแขกที่มาเที่ยว โดยที่นางภาวดีเก็บเงินไว้ทั้งหมด และต้องยอมค้าประเวณีอยู่ ๓ วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงช่วยออกมาได้และนำตัวส่งสถานทูตไทย ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่านางภาวดี ผู้ต้องหาตามหมายจับจะเดินทางไปรับหนังสือเดินทางที่กรมการกงสุล จึงเดินทางไปตรวจสอบพบผู้ต้องหา และได้จับกุมพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายอิสสระ กล่าวว่า ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มใด ที่เข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์จะด้วยความสมัครใจหรือไม่ก็ตาม ต้องได้รับการช่วยเหลือจากรัฐอย่างรวดเร็ว โดยขั้นตอนต่อจากนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะดำเนินการช่วยเหลือผู้เสียหาย ในเบื้องต้นจะจ่ายเงินสงเคราะห์ยังชีพเป็นจำนวน ๓,๐๐๐ บาท และนำเงินสนับสนุนจากกองทุนป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เป็นทุนส่งเสริมการประกอบอาชีพตามฐานานุรูปของผู้เสียหายต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินงานเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคประชาชนจะต้องเป็นหู เป็นตา เฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสการค้ามนุษย์ให้แก่ภาครัฐหรือหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ผู้ที่พบเห็นหรือประสบเหตุค้ามนุษย์ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ ศูนย์ประชาบดี ๑๓๐๐ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง