ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน คาดยอดขายสมาร์ทการ์ด เพิ่มขึ้นกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ในอีกสองปีข้างหน้า

พฤหัส ๐๙ กันยายน ๒๐๑๐ ๑๑:๑๒
รูเบน ฟูง นักวิเคราะห์จาก ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน องค์กรที่ปรึกษาทางธุรกิจและวิจัยระดับโลกคาดการณ์ว่ายอดขายสมาร์ทการ์ดจะเพิ่มถึงจุดสูงสุดจากปี 2555 ถึง 2559 ด้วยอัตราการเจริญเติบโต 20 และ 25 เปอร์เซ็นต์ในแต่ละรอบปี โดยมียอดเติบโตเฉลี่ย CAGR (compound annual growth rate) ที่ 16.4 เปอร์เซ็นต์ (2552-2559) และเมื่อสิ้นปี 2559 บัตรสมาร์ทการ์ดจะมียอดถึง 1.9 พันล้านชิ้น ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค โดยเพิ่มจาก 590 ล้านชิ้นในปี 2552

บทวิเคราะห์ล่าสุดจาก ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน (http://www.smartcards.frost.com), Asia-Pacific Smart Card Integrated Circuit on Different Form Factors ประเมินยอดขายสมาร์ทการ์ดสูงถึง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2559 ที่ยอดเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 13 เปอร์เซ็นต ์ (2552-2559) มีมูลค่ารวม 775 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2552 เทียบกับมูลค่าตลาดรวม (แบบสัมผัสและไร้สัมผัส) 1.94 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ มร. ฟูงคาดว่ายอดจัดส่งจะเพิ่มสูงขึ้นถึงกึ่งหนึ่งภายในปี 2559 โดย มร.ฟูงอธิบายว่า ความต้องการของสมาร์ทการ์ดนั้น ได้สืบเนื่องมาจากการใช้งานในรูปแบบต่างๆ อาทิ เทคโนโลยีสื่อสารแบบไร้สาย NFC (Near Field Communication), พาสปอร์ตอิเล็คโทรนิกส์ (e-Passport) และโครงการขนส่งมวลส่งขนาดใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิคและภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก

ฟูงกล่าวว่า “ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค เราสามารถคาดการณ์การดำเนินโครงการ NFC ขนาดใหญ่บนมือถือภายในสองปีนี้ สำหรับประเทศไทยนับได้ว่ามีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจนี้สูงมาก โดยมีโครงการทดลอง NFC เกิดขึ้นแล้วในปี 2551และ 2552”

เขากล่าวเสริมว่า เทคโนโลยีสื่อสารแบบไร้สายNFC บนมือถือจะมีส่วนกระตุ้นให้เกิดความสนใจต่อการใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิตแบบไร้สัมผัสถหากมาตราการรักษาความปลอดภัยจากการโจรกรรมต่างๆมีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น

นอกจากนี้ การใช้ของสมาร์ดการ์ดในรูปแบบของอีพาสปอร์ตยังได้รับการยอมรับไปทั่วโลกโดยการสนับสนุนจากองค์กรการบินพลเรือนสากล (International Civil Aviation Organization- ICAO) จากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป และกว่า 80 ประเทศ ฟูงคาดว่าความต้องการสมาร์ทการ์ดสำหรับการใช้งานอีพาสปอร์ตและบัตรประชาชนจะเพิ่มมากขึ้นในเอเชีย

“บัตรประชาชนนั้นเป็นตลาดที่ใหญ่ทีสุดสำหรับสมาร์ทการ์ด (66 เปอร์เซ็นต์ของยอดจัดส่งในปี 2552) และจะยังเป็นต่อไปอีกห้าปีข้างหน้า เพราะว่าหลายประเทศต้องการเปลี่ยนจากบัตรประชาชนแบบเดิมมาเป็นแบบสมาร์ทการ์ดมากขึ้น นอกจากนี้อีพาสปอร์ตนั้นก็ต้องทำใหม่ทุกๆ ห้าถึงสิบปีเช่นกัน”

ประเทศในแถบเอเชีย อาทิ อินเดีย จีน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนามต่างวางแผนที่จะเริ่มใช้งานอีพาสปอร์ตภายในห้าปีนี้ และจะเริ่มต้นการใช้งานสมาร์ทการ์ดในโครงการขนส่งมวลชนต่างๆในรูปแบบของบัตรโดยสารสาธารณะก่อน แล้วจึงขยายไปสู่รูปแบบอื่นๆ ตามลำดับ

สำหรับประเทศไทย ซึ่งได้เริ่มมีการใช้งานอีพาสปอร์ตไปแล้วตั้งแต่ปี 2548 นั้น มร.ฟูงกล่าวว่า การใช้งานสมาร์ทการ์ดของประเทศไทยไม่ต่างจากประเทศอื่นๆในแถบเอเชียนัก กล่าวคือ มีการใช้งานของสมาร์ทการ์ดในโครงการขนส่งมวลชน ทั้ง MRT และ BTS และในอีกประมาณ 2-4 ปีข้างหน้า คาดว่าประชาชนจะสามารถใช้บริการขนส่งมวลชนทั้งสองอย่างได้ด้วยสมาร์ทการ์ดเพียงใบเดียว นอกจากนี้ ปริมาณการใช้อีพาสปอร์ตของประเทศไทยยังเพิ่มสูงขึ้น คิดเป็น ประมาณ 1.3 ล้านใบ ต่อปี

โดยการใช้งานเทคโนโลยีของสมาร์ทการ์ดในระยะแรกเริ่มนั้นจะมาจากโครงการขนส่งมวลชนต่างๆ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ในรูปแบบใหม่ที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้มากยิ่งขี้น สำหรับการใช้สมาร์ทการ์ทในรูปแบบต่างๆนั้น การใช้ในรูปแบบของบัตรโดยสารสาธารณะมีมากเป็นอันดับสองรองจากบัตรประชาชน โดยคิดเป็น 28 เปอร์เซ็นต์ของยอดจัดส่งในปี 2552

ฟูงเชื่อมั่นว่าแนวโน้มของสมาร์ทการ์ดจะยังคงสูงขึ้นจากโครงการขนส่งมวลชนต่างๆ ทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิคนอกจากนี้ สมาร์ทการ์ดยังมีการใช้งานในรูปทรงอื่นๆอีก เช่น อุปกรณ์ USB ต่างๆ ทั้งแบบสัมผัส อาทิ โทเคน (Token) และแบบสายคาดข้อมือและนาฬิกาแบบต่างๆ และถึงแม้ว่ารูปทรงเหล่านี้จะได้ถูกใช้งานมาระยะหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางเท่าที่ควร

มร.ฟูงสรุปในตอนท้ายว่า “สมาร์ทการ์ดก็เหมือนกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่อาจต้องใช้เวลาและความพยายามในการหาจุดลงตัวในการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ และความสะดวกสบายที่ได้รับต้องคุ้มค่าเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายต่างๆ”

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 026301734 Frost & Sullivan

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๗ ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๑๗:๕๓ NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๑๗:๐๕ แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๑๗:๓๒ แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๑๗:๒๕ RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๑๗:๔๘ ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๑๗:๐๕ เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๑๗:๐๖ ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๑๗:๔๙ ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud
๑๗:๐๐ เปิดรับสมัครแล้ว HaadThip Fan Run 2024 แฟนรัน ฟันแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์ หาดสมิหลา จ.สงขลา