กระบวนการทางจิตวิทยาที่เรียกว่า วอยซ์ไดอะล้อค หรือ การสนทนากับเสียงภายในของตัวตน เป็นกระบวนการเดียวที่ชี้ชัด หรือมีวิธีบอกกล่าว ให้เรารู้ว่า เรา พึง ทำงานเปลี่ยนแปลง พัฒนาต่าง ๆ ดังกล่าว กับ “ตัวตน”ใด ตัวตนไหน ด้านไหนของเรา บุคลิกย่อยของเราด้านใดที่เราควรจะสนใจ และด้านใดเสียงใดของตัวตนใดที่เราพึงเก็บรักษาไว้
การสนทนากับเสียงภายใน สนใจสภาวะทางจิตวิทยาของคนเราแต่ละคน โดยมีพื้นฐานว่า เราแต่ละคนประกอบกับเป็นตัวตนของเรา ด้วยบุคลิกย่อย ๆ ตัวตนภายในที่หลากหลาย หรือจะเรียกว่าด้านต่าง ๆ ของเราหลาย ๆ ด้าน บางด้านเราก็คุ้นเคย บางด้านก็เป็นพื้นที่มืดบอด ตลอดมาตั้งแต่เราจำความได้
เปรียบเสมือนบ้าน บ้านที่มีสนามหน้าบ้านตกแต่งสวยงาม เข้ากับห้องรับแขก ห้องนั่งเล่นสำหรับคนคุ้นเคยใกล้ชิด และห้องนอนที่เป็นส่วนตัวมาก ๆ ไม่ใช่ห้องสาธารณะ และห้องน้ำที่เป็นห้องตามลำพัง อีกทั้งยังมีห้องเก็บของที่เรามักจะสะสม สรรพสิ่งที่เราเคยมีแต่ลืมไปแล้ว
สภาวะของบุคลิกทางจิตของเราก็เช่นเดียวกันกับห้องต่าง ๆ ในบ้านดังกล่าว เรามีเสียงภายในที่ถูกเก็บงำเงียบไว้ หรือตัวตนที่ถูกกักเก็บไว้ในห้องเก็บของ อยู่ใต้ดิน ที่ทางวอยซ์ไดอะล้อคเรียกว่า Disowned Self ด้านที่ถูกปฏิเสธ ถูกละเลย ละทิ้ง และเราก็มีอีกด้านที่เป็นห้องรับแขก สนามหน้าบ้านที่สวยงาม เอาไว้โชว์แขกใครไปมา ซึ่งเรียกว่า Primary Self
ของที่โชว์หน้าบ้านรับแขก ก็เป็นของที่เลือกสรรแล้วว่าสวยงาม ใครเห็นใครชม หรืออย่างน้อยก็สะท้อนตัวตน(ด้านหนึ่ง)ของเจ้าของบ้าน สะท้อนรสนิยม ฐานะ และคุณค่าที่เจ้าของบ้านยกย่อง ขณะที่ของเก่า ที่ดูโทรม แจกันที่แตกร้าว เครื่องใช้ที่ใช้การไม่ได้ ของที่ใครเห็นแล้วเจ้าของบ้านจะอับอายอาจจะถูกอเปหิไปอยู่นอกบ้านในถังขยะ หรือหากจะยังมีเยื่อใยก็ซุกไว้ในห้องเก็บของ แม้จะอยู่ในถังขยะ ถังนี้ก็ไม่มีใครสามารถจะเก็บไปทิ้งได้ นอกจากเจ้าบ้าน และบ่อยครั้งของเก่าเน่าเสียก็ส่งกลิ่นรบกวนเจ้าของบ้านอยู่เนือง ๆ
ขยะในบ้านเรา เราทิ้งได้ มีเทศบาลหรือนิติบุคคลมารับไป แต่ขยะในจิต สภาวะบ้างด้าน เสียงภายในบ้างเสียงของเราที่เรารังเกียจตัวเราเอง เราทิ้งไม่ได้ ทิ้งไปก็มักมีคนเอากลับมาคืนให้เสมอ ๆ
กระแสเสียงเรียกร้องให้เราพัฒนาตนเอง บ่อยครั้งเรียกร้องให้เราสำรวจขยะ ของรกรุงรังในตัวเรา เปิดห้องเก็บของคุ้ยค้นของต่าง ๆ ที่ซุกไว้เอามาแผ่ดู แล้วเรียกร้องต่อให้เรา เปลี่ยน เปลี่ยน
เท่านั้นไม่พอ หากกระแสเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงแรงจัด ก็อาจจะเรียกร้องให้เรารื้อบ้านเราทิ้ง ล้างบาง ประกอบด้วยเสียงตำหนิลึก ๆ ให้ราปั่นป่วนว่า
เรายัง “ใช้ไม่ได้ ไม่ดีพอ ทำได้แค่นี้เองหรือ บอกกี่ครั้งแล้ว เข้าคอร์สกี่หนแล้ว โตจนปานนี้ ไม่น่าเลย เสียดาย ถ้ารู้งี้ ละก็………”
การสัมภาษณ์ตัวตน หรือ Voice Dialogue Facilitation อาจจะทำให้เราได้ยินเสียงที่ไม่พึงปรารถนาเหล่านี้ชัดขึ้น แต่ไม่ใช่เพื่อตอกย้ำความถูกต้องของคำตำหนิหรือเสียงวิจารณ์เหล่านี้ แต่เพื่อให้เรา เจ้าตัวของเรา เจ้าของบ้าน ตระหนักว่า เสียงเหล่านี้เป็นเพียงด้านเดียว ด้านหนึ่งในหลาย ๆ ด้านของเรา
หากเราจะรับฟังเสียงตำหนิเหล่านี้ เราก็พึงฟังเสียงอื่น ๆ ในตัวเราด้วย “เฮ้ย ฉันก็ไม่ได้อาการหนักขนาดนั้น คนเราก็มีบ้าง ใครจะไปเข้าใจ คนธรรมดาก็พลาดได้ ไม่ใช่เทพนี่หว่า ไหนเอามาดูซิว่า จะจัดการอะไรได้บ้าง…..มีใครจะให้กำลังใจกับฉันบ้างไหม….”
เปรียบเสมือนเจ้าของบ้านที่ต้องรับแขกมากหน้าหลายตา หลากหลายความต้องการ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลคนใกล้ชิด หรือลูกเล็ก ๆ ที่อยู่ในห้องเลี้ยงเด็กตามลำพัง หรืออยู่กับพี่เลี้ยงใจร้ายบ้าง ใจดีบ้าง
ในการสัมภาษณ์ตัวตนดังกล่าว จะช่วยให้เราได้ยินเสียงจากผู้คนต่าง ๆ ตัวตนต่าง ๆ ในตัวเรา และเมื่อเราได้ยินเสียงเหล่านั้น จนเราตระหนักว่าใครเป็นใครในใจเรา ใครเป็นใครในห้องไหนของบ้านเรา หากเราจะต้องปรับเปลี่ยน เพิ่มเติมหรือลดบทบาทของใครบ้าง เราก็ดูแลได้ อย่างไม่จำต้องได้อย่างเสียงอย่าง หรือกระทำการพัฒนาตนเอง อย่างถอนรากถอนโคน แต่หล่อเลี้ยงทุกด้านให้เกียรติให้คุณค่ากับทุกเสียงที่ประกอบขึ้นมาเป็นตัวเรา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับด้านที่เป็นขยะ ที่เรารังเกียจ ที่เราอยากวางไว้นอกบ้าน ขยะเหล่านั้น อาจจะเป็นความทรงจำที่แนบแน่นในจิตใจ ของเก่าที่เราอยากทิ้งแต่เป็นสายใยที่สำคัญในชีวิต หรือแม้นจะเป็นของเน่าเสียไปแล้วก็อาจจะกลายเป็นปุ๋ยที่สนามหน้าบ้านของเราอาจจะต้องอาศัยเพื่อให้ต้นไม้ใบหญ้าที่เราตกแต่งไว้นั้นผลิใบงดงาม
แล้วเราอาจจะพบว่า เราพัฒนาตนเองสู่ความเก่ง ความเป็นเลิศทรงคุณค่าใดใดโดยที่จะหลอมรวมด้านที่แสนจะธรรมดา “งั้น ๆ ก็ไม่เท่าไหร่ เท่านี้ก็พอ” ของเราไว้ด้วยได้ ในจังหวะจะโคน ในสถานการณ์และสภาวะบางอย่าง กับผู้คนบางคน โดยไม่ต้องสูญเสียตัวตน ความเป็นตัวของตัวเองโดยสิ้นเชิง และก็มีชีวิตก้าวย่างเติบโต ตามที่เราปรารถนา จะปรารถนาก้าวไปข้างหน้า รุดหน้าก็ได้ ก้าวไปข้าง ๆ ก็ได้ ทรุดตัวลงพักก็ได้ หันหลังย้อนกลับก็ได้
เมื่อเราตระหนักในด้านต่าง ๆ ของตัวเรา รู้จักและรู้เท่าทันเสียงของตัวตนต่าง ๆ ของตัวเรามากขึ้น ชัดขึ้น ฉงนยิ่งขึ้น เราก็พบความเป็นไปได้ใหม่ ๆ บ้าง เก่า ๆ บ้าง ในชีวิตของเรา และหากบางเรื่องบางพัฒนาการจะเป็นไปไม่ได้เลย เมื่อเรารู้ทันตัวเราแล้วเราเลือกให้เป็นเช่นนั้น เราก็จะไม่รู้สักเสียดายเลยแม้แต่น้อย
พบกับกิจกรรมเรียนรู้ Voice Dialogue Foundations โดย J’amie on Pan Gaia ศิษย์สายตรงของ Dr Hal และ Sidra Stone สองสามีภรรยานักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ผู้ค้นคว้าและสรรค์สร้างวิชานี้
รับฟังแนวคิด แลเรียนรู้เรื่องราวจากชีวิตจริงของ J’amie ซึ่งบินตรงจากอเมริกาเพื่อการนี้
พร้อมสังเกตการณ์การสัมภาษณ์ตัวตนด้วยตัวท่านเอง และแลกเปลี่ยนกับผู้เคยผ่านการเรียนรู้นี้
Level 1a 17 — 20 กุมภาพันธ์นี้
Level 1b 3 - 6 มีนาคมนี้
ณ บ้านเซเวียร์ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เวลา 9 00 — 16 00 น
ติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ [email protected]