ความน่าสนใจที่ไม่สามารถตอบได้จากผลการเลือกตั้ง แต่สามารถนำข้อมูลจาก เอ็กซิทโพลล์มาทำการวิเคราะห์ คือ คนที่เลือกโหวตโน เป็นใคร มีภูมิหลังทางเศรษฐกิจ สังคม อย่างไร เพราะในแบบสำรวจเอ็กซิทโพลล์มีคำถามเกี่ยวกับภูมิหลังของผู้ตอบซึ่งสามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อเป็นประโยชน์ในทางวิชาการ และน่าจะเป็นประโยชน์ในทางการเมือง ได้ดังนี้
1) เกินกว่าครึ่งของผู้โหวตโน มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป
ช่วงอายุ Total
อายุ18-25 19.33%
อายุ26-35 20.84%
อายุ36-50 30.99%
อายุมากกว่า50 27.66%
ไม่ระบุ 1.17%
รวม 100.00%
จำแนกตามกลุ่มอายุของผู้ตอบเอ็กซิทโพลล์และให้คำตอบว่าไม่เลือกใคร เป็นคนที่มีอายุมากกว่า35 ปี ถึงร้อยละ 58.65 แสดงว่า คนที่เห็นการเมืองไทยมานาน เห็นการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการทางการเมือง คงไม่เห็นการพัฒนาการในทางที่ดีของนักการเมือง และพรรคการเมืองไทย และอาจมีความรู้สึกเบื่อหน่ายทางการเมือง ไปจนถึงการต่อต้านระบบการเมืองปัจจุบันมากกว่าคนช่วงอายุอื่นๆ ในขณะที่ผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรก หรือผู้อยู่ในช่วงอายุน้อยที่มีทัศนคติในเชิงบวกมากกว่าผู้มีอายุมาก
2) แปลกแต่จริง โหวตโนมีมากในกลุ่มประถม พอๆกับกลุ่ม ปริญญาตรี
การศึกษา Total
ประถมศึกษา หรือต่ำกว่า 26.02%
ปวส./อนุปริญญา 10.54%
มัธยมศึกษาตอนต้น 15.43%
มัธยมศึกษาตอนปลาย/ปวช. 14.64%
ปริญญาตรี 27.66%
สูงกว่าปริญญาตรี 4.26%
ไม่ตอบ 1.45%
รวม 100.00%
สมมติฐานเบื้องต้นที่เชื่อว่า กลุ่มโหวตโน น่าจะเป็นกลุ่มที่มีการศึกษาได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้องเพียงครึ่งเดียว โดยกลุ่มปริญญาตรี มีจำนวนโหวตโน พอๆกับกลุ่มประถมศึกษา คือ ร้อยละ 27.66 และร้อยละ 26.02 ตามลำดับ แสดงถึงความไม่พอใจต่อนักการเมืองและพรรคการเมืองในปัจจุบัน เกิดขึ้นทั้งในกลุ่มการศึกษาสูง และการศึกษาต่ำ ซึ่งน่าจะอธิบายได้ว่า กลุ่มที่รู้มาก ก็ย่อมไม่พอใจมาก และ กลุ่มที่รู้น้อย ก็อาจจะเป็นกลุ่มที่สนใจการเมืองไม่ใช่น้อยเช่นกัน เลยแสดงออกถึงความไม่พอใจด้วยการโหวตโน
3) คนโหวตโนเกือบครึ่ง เป็นคนมีรายได้น้อยต่ำกว่า หมื่นบาทต่อเดือน
รายได้ Total
ต่ำกว่า10,000 49.67%
10,000 - 19,000 31.16%
20,000 - 39,000 11.74%
40,000 ขึ้นไป 3.93%
ไม่ตอบ 3.50%
รวม 100.00%
ยิ่งเมื่อพิจารณาในด้านรายได้ ของกลุ่มโหวตโน เห็นว่าเกือบครึ่ง หรือร้อยละ 49.67 มีรายได้ต่ำกว่าหมื่นต่อเดือน โดยกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนจน ที่ได้รับผลกระทบในด้านเศรษฐกิจหากนักการเมืองบริหารบ้านเมืองแล้วเกิดข้าวยากหมากแพง เห็นว่านักการเมือง พรรคการเมืองไม่มีดี เอาแต่ประโยชน์ส่วนตัว จึงแสดงออกที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้หลุดพ้นไปจากที่เป็นอยู่ปัจจุบัน เป็นปัญหาด้านโครงสร้างที่คนจนถูกเอาเปรียบ และหากไม่เร่งแก้ไข การต่อต้านระบบจากคนจนซึ่งมีจำนวนมากในสังคมอาจขยายตัวเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมในอนาคต
4) คนที่ประกอบอาชีพ เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน พ่อค้า แม่ค้า อาชีพอิสระ โหวตโนมากกว่ากลุ่มอื่นๆ
อาชีพ Total
เกษตรกร/ผู้ใช้แรงงาน 24.22%
ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ 13.76%
นักเรียน/นักศึกษา 10.84%
พนักงานเอกชน/ลูกจ้างเอกชน 16.88%
พ่อค้าแม่ค้า/อาชีพอิสระ 21.87%
ไม่ตอบ 1.39%
อื่นๆ 11.03%
รวม 100.00%
สอดคล้องกับรายได้ คนโหวตโนส่วนใหญ่ เป็นคนเกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน พ่อค้า แม่ค้า และอาชีพอิสระ ซึ่งเป็นคนรากหญ้าของสังคม ขัดกับความเชื่อในอดีตที่ว่า คนโหวตโนน่าจะเป็นชั้นกลาง โดยชี้ให้เห็นว่า ในนาทีสุดท้าย คนชั้นกลางที่อาจเชื่อในเรื่องโหวตโน จะกลับตัวตัดสินใจเลือกพรรค เพราะไม่เห็นประโยชน์ในเชิงปฏิรูปทางการเมืองอย่างที่บางฝ่ายรณรงค์ ทิ้งให้คนชั้นล่างที่ยังเชื่อในเรื่องพลังของโหวตโน ตัดสินใจไม่ประสงค์ใช้สิทธิ์
บทสรุป
ไม่ว่า โหวตโน จะเป็นใคร แม้ว่า จะมีคนที่โหวตโน ไม่ถึงร้อยละ 5 แต่จำนวนคนโหวตโน ที่มีกว่า 1.4 ล้านคน ก็เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นว่า เขาเหล่านั้น ไม่เห็นตัวเลือกที่ดีในระบบการเมืองไทย ซึ่งพรรคการเมืองควรสำเหนียกว่า ประชาชนจำนวนหนึ่งเริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่พอใจ ต่อรายชื่อผู้สมัคร หรือแม้แต่ผลงานของพรรคการเมือง และ หากยังไม่คิดปรับปรุงแก้ไข เล่นการเมืองแบบที่เป็นอยู่ สักวันอาจไม่มีเวทีให้เล่น
สำนักงานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
โทร 02-579-1111 ต่อ 1125-6,1185,1107
โทรสาร 02-579-4666