เผย!!ผลการประเมิน “อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน” พบกว่าร้อยละ 83 ที่ผ่านเกณฑ์ฯ ชี้!!อำเภอเป็นพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ ที่มีทั้งศักยภาพและความพร้อม เป็นจุดศูนย์รวมของการพัฒนา ให้เกิดระบบและกลไกการบริหารจัดการ ด้านการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพโดยพื้นที่เอง กระทรวงมหาดไทยประกาศร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข ทำพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เดินหน้าพัฒนาศักยภาพอำเภอ นำนโยบายสู่การปฏิบัติจริงในพื้นที่ เพื่อปกป้องประชาชนจากโรคและภัยสุขภาพ
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดนโยบายสังคมและคุณภาพชีวิต ด้านสาธารณสุขว่าด้วยการสนับสนุนการดำเนินการตามแนวทางพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ โดยเร่งดำเนินมาตรการสร้างเสริมสุขภาพ ส่งเสริมให้เกิดการประสานการมีส่วนร่วมจากภาคีพัฒนาในสาขาต่าง ๆ ทั้งภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน และอาสาสมัคร ร่วมสร้างความรู้ ความเข้าใจ สร้างแรงจูงใจ รณรงค์ให้เกิดการพัฒนาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อสุขภาพอนามัยและการเจ็บป่วยของประชาชน
การดำเนินนโยบาย “อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน” ของกระทรวงสาธารณสุขถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล ด้วยการกำหนดให้อำเภอเป็นพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ ที่มีทั้งความพร้อมและความเข้มแข็ง มีศักยภาพและทรัพยากร ความรู้ บุคลากร และงบประมาณ โดยมุ่งเน้นให้อำเภอเป็นจุดศูนย์รวมในการพัฒนาให้เกิดระบบและกลไกการบริหารจัดการ ด้านการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพโดยพื้นที่เอง และเพื่อพัฒนาศักยภาพอำเภอให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน เกิดระบบที่เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพ ตั้งแต่ระดับครัวเรือน สู่ชุมชน จากตำบล จนถึงอำเภอ จังหวัดและประเทศ มีประสิทธิภาพเพียงพอ ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาของประชาชนในพื้นที่ได้ทันต่อสถานการณ์ จึงได้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU)ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทย เพื่อเดินหน้านำนโยบายสู่การปฏิบัติจริงในพื้นที่ ในการปกป้องประชาชนจากโรคและภัยสุขภาพ
ด้านนายแพทย์นิทัศน์ รายยวา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การดำเนินนโยบายอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืนได้กำหนดกรอบคุณลักษณะ 5 ด้าน เพื่อให้พื้นที่นำไปเป็นแนวทางปฏิบัติ ได้แก่ 1.มีคณะกรรมการและการมีส่วนร่วมขององค์กรในการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพระดับอำเภอ 2.มีระบบระบาดวิทยาที่ดี 3.มีการวางแผนกำกับติดตามและประเมินผลการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ 4.มีการระดมทรัพยากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรม และ5.มีผลสำเร็จของการควบคุมป้องกันโรคที่สำคัญ
ถึงแม้ที่ผ่านมาอำเภอส่วนใหญ่จะสามารถดำเนินการได้ตามที่กำหนดไว้ มีการลงนามบันทึกข้อตกลงในระดับจังหวัดไปแล้ว 34 จังหวัดและได้มีการมอบรางวัลให้กับอำเภอในพื้นที่ 18 เขตตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะอำเภอที่มีผลงานโดดเด่น ในการจัดการปัญหาโรคและภัยสุขภาพ ระดับพื้นที่อย่างได้ผล และเป็นอำเภอต้นแบบด้านการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพที่มีศักยภาพไปแล้ว แต่จากการถอดบทเรียนการดำเนินงานที่ผ่านมายังคงพบปัญหาบางอย่างในการดำเนินงาน เช่น การผลักดันเชิงนโยบายและการถ่ายทอดแนวคิดเรื่องอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งฯยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ รวมทั้งเกณฑ์การประเมินตนเองบางข้อยังไม่เหมาะสมกับบริบทของบางพื้นที่
ผลจากการลงนามความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทยในครั้งนี้ จะช่วยให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือจากองค์กรระดับจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความสำคัญ เกิดการมีส่วนร่วมของหน่วยงานนอกกระทรวงฯ ผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ มีความเข้าใจแนวคิด หลักการ และเกณฑ์การประเมิน ส่งผลให้การดำเนินงานอำเภอควบคุมโรคฯมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขจะส่งเสริมและสนับสนุนให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนำนโยบายสู่การปฏิบัติเพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพในพื้นที่รับผิดชอบ
นายวัลลภ พริ้งพงษ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยตระหนักถึงภาวะคุกคามจากโรคและภัยสุขภาพต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน และได้ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนในเรื่องการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค ให้กับพื้นที่ ทั้งในระดับจังหวัด อำเภอและท้องถิ่น การดำเนินงานตามข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยจะมีบทบาทในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนำนโยบายสู่การปฏิบัติจริงในพื้นที่ โดยมอบให้กรมการปกครองส่งเสริมและสนับสนุนให้นายอำเภอกำกับและขับเคลื่อน ให้อำเภอมีการพัฒนาเป็น“อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน” ส่วนกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นมอบหมายให้ส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมดำเนินการและสนับสนุนทรัพยากรในการขับเคลื่อน ให้เกิด “อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน”
ด้านดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่าจากการประเมินตนเองตามเกณฑ์ตามคุณลักษณะ “อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน ” พบว่าอำเภอที่เข้าร่วมประเมินตนเองมีจำนวน 871 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 99 ในจำนวนนี้มีอำเภอจำนวน 723 แห่งหรือร้อยละ 83 ที่ประเมินตนเองให้ผ่านเกณฑ์ฯ โดยที่ผ่านมากรมควบคุมโรคได้ผลักดันให้อำเภอทั่วประเทศพัฒนาตามคุณลักษณะของ “อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน” ทั้งในเชิงวิชาการ และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เครือข่ายในระดับพื้นที่ตระหนักถึงความสำคัญและลงมือดำเนินการได้ด้วยตนเอง และยังมีการขับเคลื่อนเชิงนโยบายในการสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานในและนอกกระทรวงสาธารณสุข เช่น สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย สื่อมวลชน ในการพัฒนาการดำเนินงาน เฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรค และภัยสุขภาพ ระดับอำเภอให้มีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผลต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ ได้ทันต่อสถานการณ์ โดยพบว่าประโยชน์ที่ได้จากการดำเนินนโยบาย“อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน” ช่วยให้พื้นที่มีเครื่องมือ มีทิศทางที่ชัดเจนในการดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกันโรค ก่อให้เกิดผลของการพัฒนาที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมและมีมาตรฐานมากขึ้น และได้รับการตอบรับอย่างดีจาก จังหวัด อำเภอ ผลักดันให้เกิดความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน กระตุ้นให้มีการระดมทรัพยากรของเครือข่ายและสร้างพลังในการแก้ไขปัญหาสุขภาพและการเจ็บป่วยโดยพื้นที่เอง เกิดเป็นกลไกที่นำไปสู่การบริหารจัดการ ด้านการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพของพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
ในปี 2555นี้ กรมควบคุมโรคจะยังคงเดินหน้าพัฒนางาน “อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน” อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นในการปรับปรุงทั้ง ด้านนโยบาย ด้านวิชาการ ด้านสื่อสารและพัฒนาความสัมพันธ์กับเครือข่าย การจัดทำข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทยในครั้งนี้ นับเป็นก้าวย่างที่ยิ่งใหญ่ของการพัฒนางาน“อำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งแบบยั่งยืน” โดยกรมควบคุมโรคได้รับมอบหมายให้พัฒนาศักยภาพของทีมเฝ้าระวัง สอบสวน เคลื่อนที่เร็วระดับอำเภอและเครือข่ายระดับตำบล ให้มีความสามารถเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค รวมถึงภาวะเสี่ยงและภัยสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ให้ทุกคน ทุกฝ่าย ได้ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมสร้างและร่วมรับประโยชน์ นั่นคือการมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสุขภาพที่แข็งแรงปลอดจากโรคและภัยสุขภาพได้อย่างยั่งยืน
กลุ่มเผยแพร่ สำนักงานเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค
โทรศัพท์: 0-2590-3862 / โทรสาร: 0-2590-3386