นับเป็นความสำเร็จอย่างแท้จริงของโครงการ Young Muse Project ปั้นนักพิพิธภัณฑ์สายพันธุ์สยาม จัดโดย สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) หรือ มิวเซียมสยาม เพื่อค้นหาและพัฒนานักพิพิธภัณฑ์รุ่นใหม่ โดยการเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้นำเสนอความฝันที่ต้องการปั้นแต่งให้เป็นจริง เพื่อรับการคัดเลือกเข้าเรียนรู้งานของพิพิธภัณฑ์ พร้อมจัดเวทีให้พี่นักคิดพบน้องช่างฝันเพื่อกระตุ้นให้เกิดไอเดียสร้างสรรค์ ในการจัดกิจกรรมหรือนิทรรศการที่โดดเด่น แตกต่าง และน่าสนใจ
นายราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ เปิดเผยว่า Young Muse Project ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปีแล้ว และกำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งแนวคิดในการจัดงานยังมุ่งเน้นการปั้นนักพิพิธภัณฑ์รุ่นใหม่ โดยจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ให้กับเยาวชนทั้งชายและหญิงที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วม แคมป์ “Young Muse Project” เพื่อฝึกทักษะการลำดับประเด็นความรู้ทางวิชาการ ผ่านการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล กระตุ้นการสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ ที่จะจัดขึ้นในนามของมิวเซียมสยาม
“หลังจากผ่านการฝึกพัฒนาไอเดียสร้างสรรค์แล้ว ก็จะมีการรวมกลุ่มช่วยกันต่อยอดความคิด ออกแบบกิจกรรมที่มีเนื้อหาและรูปแบบที่สอดคล้องกับกับภารกิจของมิวเซียมสยาม ภายใต้งบประมาณไม่เกิน 2 แสนบาท ซึ่งมีคณะกรรมผู้ทรงคุณวุฒิร่วมตัดสิน โดยผลงานที่ชนะการประกวด จะถูกเปลี่ยนจากความคิดเป็นผลงานจริงเพื่อจัดแสดงต่อสาธารณชนให้เห็นถึงศักยภาพของเด็กไทย และเป็นการดึงคนรุ่นใหม่ให้เข้าหาความรู้ในพิพิธภัณฑ์อีกด้วย” ผอ.ราเมศ อธิบาย
นอกจากโอกาสที่จะได้ปั้นแต่งความฝันให้เป็นความจริงแล้ว ประสบการณ์ที่เยาวชนได้รับจากการเข้าร่วมแคมป์ Young Muse Project ยังเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ง่ายๆ โดย “ทีมเฟี้ยว” ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศจาก Young Muse Project ครั้งที่ 2 ซึ่งกำลังจะจัดแสดงผลงานในเดือนพฤษภาคมนี้ ชูมือบอกว่าแค่ได้เข้าร่วมแคมป์ Young Muse Project ก็คุ้มค่าแล้ว
นายไท ประดิษฐเกษร นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ หัวหน้าทีมเฟี้ยว เล่าถึงการตัดสินใจสมัครเข้าร่วมโครงการว่า ตนและเพื่อนต้องการฝึกคิดสร้างสรรค์ในโจทย์ปัญหาที่ยากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการนำเสนอความเป็นไทยในอดีตที่มิวเซียมสยามกำหนดให้ ในฐานะเด็กยุคใหม่ในวัยเพียง 20 ปี ที่มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์และความเป็นไทยเฉพาะแค่ในตำราที่เคยเรียนมาเท่านั้น
“แคมป์ Young Muse Project ทำให้เด็กนักศึกษาอย่างเราได้พบกับสุดยอดนักคิดจากสาขาต่างๆ โดยแต่ละคนได้สอนถึงเทคนิคการคิดให้เกิดผลงานสร้างสรรค์ที่น่าสนใจและแตกต่างจากผู้อื่น และได้เรียนรู้วิธีการทำงานเป็นทีมร่วมคนที่เราไม่รู้จักแต่มีความสนใจแบบเดียวกัน ถึงแม้ว่าค่ายจะจบลงไปแล้ว แต่มิตรภาพยังคงอยู่ นี่คือประสบการณ์ที่หาซื้อไม่ได้” นายไทเล่า
ทางด้านสมาชิกทีมเฟี้ยว นายพัฒน์ ดีสวัสดิ์ นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ สาขาโฆษณา มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เล่าถึงประสบการณ์ที่ได้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นรางวัลที่ได้จากการประกวดโครงการว่า พิพิธภัณฑ์แต่ละแห่งในสิงคโปร์จะมีคนเข้าไปเที่ยวชมเยอะมาก ไม่เหมือนวัยรุ่นไทยที่นิยมเข้าห้างสรรพสินค้า
“เราได้เรียนรู้ว่าการจัดนิทรรศการไม่จำเป็นต้องมีการกำหนดกรอบหรือรูปแบบที่ตายตัว สำคัญที่การจัดวาง การใช้แสงและสีเพื่อสร้างอารมณ์ร่วมของผู้ชม ห้องขนาดใหญ่ไม่จำเป็นต้องจัดวางสิ่งของให้เต็มพื้นที่ก็ได้ อย่างในสิงคโปร์เขาใช้ห้องขนาดใหญ่เพื่อโชว์นาฬิกาเพียงอันเดียวที่กลางห้อง บริเวณรอบข้างตกแต่งด้วยหลอดใสเพียงอย่างเดียว แค่นี้คนก็สนใจเข้าไปค้นหาว่านิทรรศการต้องการสื่อสารเรื่องอะไร” นายพัฒน์อธิบาย
นายพล ดีสวัสดิ์ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขามัลติมีเดีย มหาวิทยากรุงเทพ สมาชิกอีกคนหนึ่งของทีมกล่าวว่า สิงที่ได้เรียนรู้จากการไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ที่สิงคโปร์อีกอย่างหนึ่งคือ คนจะให้ความสนใจในสิ่งที่ตนเองอยากสนใจเท่านั้น ดังนั้นนักพิพิธภัณฑ์จะต้องสามารถนำเสนอในสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายสนใจภายใต้โจทย์ที่กำหนดไว้ได้
“หากพิพิธภัณฑ์สามารถนำเสนอความรู้ที่ผู้ชมสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้ เขาก็จะเห็นคุณค่าของความรู้ตรงนั้น ดังนั้นการนำเสนอจะต้องสามารถใช้วิธีสื่อสารที่น่าสนใจ ดังเช่นแนวคิดของนิทรรศการ Please Mind The Gap “โปรดระวังห้องว่างระหว่างเรา” นำเสนอความรู้ผ่าน “ห้องนอนและห้องน้ำ” ของคน 3 ยุค โดยกระตุ้นให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนอยู่ในยุคนั้นด้วยสิ่งของเครื่องใช้ แสง และเสียงประกอบเสมือนจริง สรุปคำตอบเรื่องความแตกต่างด้วย “ภาพยนตร์สั้น” ที่เล่าถึงวิถีการดำเนินชีวิตและการปฏิบัติตนต่อกันระหว่างพ่อกับลูก ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย” นายพลสรุป
นิทรรศการ Please Mind The Gap โปรดระวังห้องว่างระหว่างเรา ที่กำลังจะจัดแสดงในวันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคมนี้ เป็นนิทรรศการที่จะช่วยเผยปมปัญหาความไม่เข้าใจของคนต่างวัยในครอบครัว ว่าปัจจัยเหตุของความแตกต่างด้านความคิดและพฤติกรรมของคนต่างวัยเกิดจากอะไร โดยไม่มีการใช้ตัวหนังสือแม้แต่ตัวเดียว
ผู้สนใจเข้าชมนิทรรศการได้ตั้งแต่วันที่ 17 — 31 พฤษภาคม 2555 เวลา 10.00 — 18.00 น. ที่มิวเซียมสยาม ท่าเตียน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โทร. 02-2252777 ต่อ 411 หรือ www.facebook.com/museumsiamfan และ www.museumsiam.com