“กรมส่งออก”เคาะปัญหาการค้าอาหาร ส่องปัญหาสั้น กลาง ยาว ปรับกลยุทธ์และวางแนวทางรักษาราคา-ผลผลิต-ตลาดอย่างเสถียร เพิ่มดีกรีครัวไทยสู่ครัวโลก 8 สิงหา เจาะปัญหาอัญมณี

พฤหัส ๐๙ สิงหาคม ๒๐๑๒ ๑๑:๔๙
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานกลุ่มย่อยเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคและผลักดันการส่งออกรายสินค้า(สินค้าอาหาร)ครั้งที่ 1 ว่า ที่ประชุมพิจารณาปัญหาฯ 5 กลุ่มสินค้าอาหาร โดยแยกเป็นประเด็นปัญหา แนวทางแก้ไขที่ชัดเจน มีการบูรณาการและวางแผนในระยะสั้น กลางและยาวอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาราคาและผลผลิตให้มีเสถียรภาพ สุขอนามัยพืช แรงงาน การเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดตลาด เป็นต้น

“มาตรการในแต่ละช่วง อาจจะไม่เห็นผลในเวลาอันสั้น แต่จะวางแผนเพื่อตัดวงจรของปัญหา เพื่อลดการเกิดซ้ำอีก โดยจะเสนอให้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ พิจารณา และรายงานให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการแก้ไขต่อไป และในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ จะประชุมคณะทำงานกลุ่มย่อยสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ”นางนันทวัลย์ กล่าว

ทั้งนี้สินค้าไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ผู้แทนสมาคมเสนอปัญหาเร่งด่วนเกี่ยวกับผลกระทบจากภาวะอากาศร้อนในสหรัฐอเมริกาทำให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และถั่วเหลืองเพิ่มสูงขึ้น จึงขอเสนอยกเว้นภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองเป็นการชั่วคราว และในระยะยาวภาคเอกชนได้เสนอให้มีการศึกษาวิจัยพันธุ์พืชที่ให้ผลผลิตสูงขึ้น ส่งเสริมการใช้เออีซี สร้างพันธมิตรทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อใช้ประโยชน์ในการเป็นฐานการผลิตและเป็นแหล่งวัตถุดิบทดแทน ควรผลักดันให้มีการส่งออกไก่สดไปยังตลาดต่างๆ ที่ได้มีการเจรจาแก้ไขปัญหาด้านนี้ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ในระยะกลางผลักดันให้หน่วยงานตรวจสอบของประเทศผู้นำเข้าหลักยอมรับระบบ Compartment ของไทย การเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการเปิดตลาด

สินค้ากุ้งแช่แข็งและแปรรูปข้อเสนอเร่งด่วน คือ การขยายและผลักดันการส่งออกกุ้งไปยังตลาดศักยภาพอื่นๆ เป็นการทดแทน เช่น รัสเซียและตะวันออกกลาง ใช้แรงงานต่างด้าวได้ตามความจำเป็นและอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนโดยไม่มีกำหนดช่วงเวลา สนับสนุนให้มีการจัดทำราคากลางมาตรฐาน เพื่อใช้เป็นราคาอ้างอิงในการรับซื้อกลางส่งออกกุ้งในแต่ละตลาด การผลักดันการเจรจาเอฟทีเอไทย-ยุโรป การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายและสร้างความแตกต่างเพื่อสร้างความต้องการในการบริโภค การเจรจากับสหรัฐฯเพื่อไม่ให้สหรัฐ โยงเรื่องการส่งออกกุ้งที่จับได้จากแหล่งธรรมชาติเข้ากับการส่งออกกุ้งเพาะเลี้ยงและให้ไทยส่งออกกุ้งที่จับได้จากเครื่องมือประมงที่ไม่ใช้เครื่องจักกรกล(อวนลอยกุ้ง)ในปริมาณอย่างน้อย 4,000 ตันต่อปี การสนับสนุนการให้บริการด้านห้อง Lab ของหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนให้มีความสะดวกรวดเร็ว และมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม ในระยะยาวส่งเสริมวิจัยพัฒนาพ่อแม่พันธุ์กุ้งกุลาดำให้เป็นทางเลือก จัดระบบ

คัสเตอร์กุ้ง เพื่อวางแผนการผลิต การตลาดให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่เพื่อให้ราคากุ้งมีเสถียรภาพ รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้เลี้ยงกุ้งมีความรู้ ความเข้าใจ เพื่อยกระดับการผลิต ขอให้จัดระบบแรงงานต่างด้าวให้รัดกุมเพื่อเอื้อต่อภาคเกษตรและอุตสาหกรรม

สินค้าผักและผลไม้ข้อเสนอเร่งด่วน คือ ขอให้ภาครัฐจัดหาตลาดใหม่ ซึ่งกรมฯได้ดำเนินการอยู่แล้ว ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ เพื่อขยายตลาดในช่วงที่มีผลผลิตปริมาณมาก การอนุญาตแรงงานต่างด้าวในภาคการเกษตรให้เอื้อต่อการขึ้นทะเบียน โดยไม่กำหนดระยะเวลา ในระยะกลาง ผลักดัน GAP เป็นมาตรฐานบังคับสำหรับเกษตรกรที่อยู่ใน Supply chain การผลิต/การส่งออกผักผลไม้ และอาหารสำเร็จรูป พร้อมกับการวางนโยบายเกี่ยวกับเขตพื้นที่เฉพาะ(โซนนิ่ง)สำหรับแหล่งผลิตพืชอาหารและพืชพลังงานให้เป็นรูปธรรมและมีความสมดุล เพื่อให้มีผลผลิตเพียงพอสำหรับการแปรรูป ตลอดจนรักษาความมั่นคงด้านอาหารของประเทศ เป็นต้น ในระยะยาว ส่งเสริมให้เกษตรกรให้ความรู้ความเข้าใจด้านการผลิตให้สอดคล้องกับมาตรฐานด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชสากล ตลอดจนส่งเสริมการนำนวัตกรรมทางการเกษตรมาใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อลดปัญหาเรื่องแมลงศัตรูพืชและสารตกค้าง ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการผลิต ทั้งก่อนและหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อลดการพึ่งพิงแรงงาน

สินค้าอาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป เรื่อง ปลาทูน่า ผู้ประกอบการขอให้กรมประมงประสานไปยังอียู เพื่อการรับรองซีเอจากอียู ให้แก่ประเทศผู้ส่งออกสัตว์น้ำให้แก่ไทย โดยเฉพาะกลุ่มประเทศพีเอ็นเอ ได้แก่ ไมโครนีเซีย มาแซลไอส์แลนด์ คิริบาติ วานูอาตู ปล่าแมคเคอเรล ขอลดภาษีจาก 5% เป็น 0% ปูม้า ขอให้ภาครัฐส่งเสริมและสนับสนุนการเปิดเสรีการค้าในสินค้าสัตว์น้ำเพื่อการส่งออก เพื่อทดแทนการขาดแคลนวัตถุดิบภายในประเทศ เป็นต้น

สำหรับสถานการณ์การส่งออก 6 เดือนแรก(ม.ค.-มิ.ย.)ของปีนี้ การส่งออกอาหารมีมูลค่า 8,779 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.8% ประกอบด้วยสินค้าสำคัญ 5 กลุ่ม ได้แก่ อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ส่งออกมูลค่า 2,429 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ เพิ่มขึ้น 11% กุ้งแช่แข็งและแปรรูป 1,329 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ ลดลง 8% ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป 1,079 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ เพิ่มขึ้นกว่า17% ผัก ผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป 1,522 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือลดลง 4% และอาหารอื่นๆ เช่น สิ่งปรุงรส เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ข้าว เป็นต้น มูลค่า 2,419 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ เพิ่มขึ้นกว่า 20%

โดยปี 2554 มูลค่าส่งออกสินค้าอาหาร 17,895 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 24 % ทั้งนี้ตลาดสำคัญเรียงตามมูลค่า อันดับ1 ได้แก่ ญี่ปุ่น 1,791 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ เพิ่มขึ้น10.2% รองลงมาเป็นสหรัฐฯ อังกฤษ พม่า จีน มาเลเซีย ออสเตรเลีย เยอรมนี กัมพูชา และแคนาดา

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๗ ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๑๗:๕๓ NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๑๗:๐๕ แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๑๗:๓๒ แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๑๗:๒๕ RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๑๗:๔๘ ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๑๗:๐๕ เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๑๗:๐๖ ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๑๗:๔๙ ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud
๑๗:๐๐ เปิดรับสมัครแล้ว HaadThip Fan Run 2024 แฟนรัน ฟันแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์ หาดสมิหลา จ.สงขลา