นายสนธยา กล่าวต่อว่า 3. สาขาวรรณกรรมพื้นบ้าน 14 รายการ ได้แก่ นิทานพระร่วง นิทานตาม่องล่าย พระสุธนมโนห์ราภาคใต้ วันครู ตำนานเจ้าหลวงคำแดง ตำนานพระธาตุดอยตุง ตำนานเจ้าแม่สองนาง ตำนานอุรังคธาตุ ตำนวนหลวงปู่ทวด ตำนานนางโภควดี ตำนานสร้างโลกของภาคใต้ วรวงศ์ ปักขะทึนล้านนา และตำราศาสตรา 4. สาขากีฬาภูมิปัญญาไทย 8 รายการ ได้แก่ ไม้หึ่ม หมากเก็บ เสือกินวัว หมากรุกไทย ตะกร้อลอดห่วง วิ่งวัว และวิ่งควาย 5. สาขาแนวปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม 7รายการ ได้แก่ การผูกเกลอ การผูกเสี่ยว เทศน์มหาชาติ พิธีทำบุญต่ออายุ การแต่งกายบาบ๋า เพอนารากัน สารทเดือนสิบ และประเพณีรับบัว 6.สาขาความรู้และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล 11 รายการ ได้แก่ สำรับอาหารไทย แกงเผ็ด แกงเขียวหวาน ส้มตำ น้ำพริก ปลาร้า ลูกประคบ ขาหมา หมอพื้นบ้านรักษากระดูกหัก คชศาสตร์ชาวกูย ดอนปู่ตา และ7.สาขาภาษา จำนวน 6 รายการ ได้แก่ อักษรธรรมล้านนา อักษรไทยน้ อย อักษรอีสาน ภาษาชอง ภาษาญัฮกุร และภาษาก๋อง
“การประกาศขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เป็นหนทางหนึ่งในการปกป้องคุ้มครอง และเป็นหลักฐานสำคัญของประเทศในการประกาศความเป็นเจ้าของมรดกภูมิปัญญาทาง วัฒนธรรมต่างๆ ในขณะนี้ที่ยังไม่มีมาตรการทางกฎหมายที่จะคุ้มครองมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ของชาติ รวมทั้งในอนาคต ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องเร่งรัดการดำเนินการเพื่อเข้าเป็นภาคีสมาชิกอนุสัญญา ว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ เพื่อเป็นการเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติภูมิของประเทศชาติให้ปรากฏในสังคมโลก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าว