อุตฯ สร้างโอกาสจากวิกฤตบาทแข็ง เร่งส่งเสริมมาตรการเพิ่มขีดการแข่งขันอุตสาหกรรมไทย

จันทร์ ๒๗ พฤษภาคม ๒๐๑๓ ๐๙:๕๕
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ชี้ค่าเงินบาทแข็งกระทบภาคการผลิตอุตสาหกรรมของไทย แต่ยังมีผลเชิงบวกด้านการนำเข้าสินค้าทุนและเครื่องจักรมีราคาถูกลง ถือเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการได้ปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อยกระดับเทคโนโลยีการผลิต และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยจะให้การสนับสนุนนโยบายเพื่อใช้โอกาสค่าเงินบาทแข็งค่าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของภาคการผลิตไทย

ดร.สมชาย หาญหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สำหรับผลกระทบค่าเงินบาทต่อการส่งออกของภาคอุตสาหกรรมในช่วงเวลา 3 เดือนแรกพบว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมของไทยในรูปเงินเหรียญสหรัฐฯ ยังคงขยายตัวร้อยละ 7.04 โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2556 ประเทศไทยสามารถส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมคิดเป็น 43,091 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือขยายตัวร้อยละ 7.04 หรือคิดเป็นมูลค่าเงินบาท เท่ากับ 1,284,112 ล้านบาท หรือขยายตัวที่ร้อยละ 3.14 อัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกในมูลค่าเงินบาทที่ลดลงนั้นแสดงถึงแนวโน้มของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาโดยตลอดต้นปี 2556 ผลดังกล่าวทำให้รายได้ในรูปเงินบาทของผู้ส่งออกภาคอุตสาหกรรมไทยลดลงกว่าร้อยละ 4 หรือกว่า 55,156 ล้านบาท และหากค่าเงินบาทยังคงอยู่ที่ 29 บาท/เหรียญสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศภาคอุตสาหกรรม (GDP) ลดลงกว่า 52,672 ล้านบาททั้งปี เนื่องจากราคาสินค้าที่ส่งออกสูงขึ้นในรูปเงินสกุลต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสูญเสียอำนาจในการแข่งขันในระยะสั้น โดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคากับประเทศคู่แข่ง อาทิ อินโดนีเซีย เวียดนาม จีน หรือ เกาหลีใต้ ส่งผลต่อการสูญเสียตลาดบางส่วนไปในอนาคตและในหลายสินค้าที่ สศอ. สอบถามผู้ส่งออกโดยเฉพาะส่งออกในตลาดญี่ปุ่นที่ค่าเงินเยนอ่อนลงกว่า ร้อยละ 16 และเมื่อคิดย้อนกลับที่ค่าเงินบาทต่อเหรียญสหรัฐแข็งค่ากว่า ร้อยละ 3 นั้นทำให้ผู้ส่งออกไทยหลายรายจะถูกลูกค้าในตลาดญี่ปุ่นขอต่อรองลดราคาลงมา หากพิจารณาเป็นรายอุตสาหกรรมแล้วจะพบว่าอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการส่งออกสูง เช่น อิเล็กทรอนิกส์ มีรายได้จากการส่งออกในรูปเงินบาทลดลงกว่า 9,670 ล้านบาท ยานยนต์ลดลง 5,500 ล้านบาท อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าลดลง 6,780 ล้านบาท และอาหารลดลง 5,756 ล้านบาท(โดยเทียบจากอัตราแลกเปลี่ยนของปี 2555)

อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของเงินบาทได้สร้างโอกาสต่อภาคอุตสาหกรรมหลายด้านด้วยกัน เช่น การนำเข้าสินค้าทุนและเครื่องจักรที่มีราคาถูกลง ถือเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการได้ปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อยกระดับเทคโนโลยีในการผลิต เพิ่มผลิตภาพการผลิต และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ยังเป็นการรองรับเพื่อการเปิดโอกาสทางการค้าและการแข่งขันใน AEC ซึ่งในช่วงนี้ที่ค่าเงินบาทแข็งค่าทำให้ราคาสินค้าทุนและเครื่องจักรนำเข้ามีต้นทุนถูกลงมากโดยเฉพาะการนำเข้าจากประเทศที่มีเทคโนโลยีชั้นดีอย่างประเทศญี่ปุ่น เมื่อผนวกกับค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง ทำให้ราคาสินค้าทุนและเครื่องจักรถูกลงประมาณร้อยละ 20 ซึ่งผู้ประกอบการจะมีความได้เปรียบด้านต้นทุน นอกจากนี้ ในช่วงที่ค่าเงินบาทแข็งค่านี้ เป็นโอกาสดีที่นักลงทุนไทยสามารถไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้เสนอนโยบายเพื่อใช้โอกาสค่าเงินบาทแข็งค่าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย ดังนี้

(1) สนับสนุนให้มีการนำเข้าสินค้าทุนและเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงเครื่องจักรโดยการส่งเสริมการลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยสนับสนุนด้านสินเชื่อการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ

(2) สนับสนุนการลงทุนในต่างประเทศ โดยสนับสนุนมาตรการส่งเสริมการลงทุนคนไทยในต่างประเทศ อาทิ การยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีกำไรจากการลงทุนในต่างประเทศ เมื่อนำเงินกลับสู่ประเทศ

นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอมาตรการเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการและสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมให้มีความพร้อมและเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการในการเผชิญปัญหาความผันผวนค่าเงินบาท ดังนี้

มาตรการระยะสั้น

(1) ลดความเสี่ยงและความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนโดยการจัดอบรมให้ความรู้ การป้องกันความเสี่ยงด้วยเครื่องมือทางการเงินต่างๆ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs

(2) ส่งเสริมให้มีการขยายตลาดสินค้าทั้งตลาดในประเทศ ตลาดชายแดน และตลาดประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น เพื่อชดเชยตลาดส่งออกหลักเดิมที่มีการส่งออกลดลงจากการแข็งค่าของเงินบาท

(3) สนับสนุนเงินทุนหมุนเวียน โดยมีโครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียน เพื่อการส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทย โดยเน้นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมครอบครัวและหัตถกรรมส่งออกและได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน วงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ รายละ 50,000 บาท

(4) ผ่อนผันให้สามารถใช้สกุลเงินดอลล่าร์ซื้อขายระหว่างของ Supply Chain ในประเทศ ทั้งนี้จะต้องแก้ไขกฎหมาย/กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น VAT ภาษี หัก ณ ที่จ่าย

มาตรการระยะกลางและระยะยาว

(1) การพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต และระบบบริหารให้มีประสิทธผล โดยการให้ความรู้ SMEs โดยเน้นการปฏิบัติให้เกิดผล เพื่อเพิ่มผลิตภาพและลดต้นทุน อันเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

(2) เพิ่มขีดความสามารถทางนวัตกรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า โดยจัดผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการ SMEs ในการวินิจฉัยธุรกิจ และการเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงการผลิต โดยเน้นการพัฒนาคุณภาพสินค้า การยกระดับมาตรฐาน และการสร้างมูลค่าจากการออกแบบ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๗ ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๑๗:๕๓ NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๑๗:๐๕ แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๑๗:๓๒ แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๑๗:๒๕ RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๑๗:๔๘ ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๑๗:๐๕ เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๑๗:๐๖ ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๑๗:๔๙ ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud
๑๗:๐๐ เปิดรับสมัครแล้ว HaadThip Fan Run 2024 แฟนรัน ฟันแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์ หาดสมิหลา จ.สงขลา