(รูปภาพ: http://photos.prnasia.com/prnh/20140107/0861400026)
หลิน หลาน (Lin Lan) รองประธานบริษัท ไฮเซนส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (Hisense International) กล่าวว่า "โทรทัศน์ระบบอัจฉริยะจะเปิดโอกาสให้ไฮเซนส์สามารถบรรลุเป้าหมายในการเป็นแบรนด์โทรทัศน์ชั้นนำ 1 ใน 3 ของโลก โดยให้เหตุผลตามผลการวิจัยตลาดที่บ่งชี้ว่า ส่วนแบ่งตลาดของสมาร์ททีวีในสหรัฐมีอยู่เพียง 20% เท่านั้น อัตราการครองส่วนแบ่งตลาดที่ต่ำเช่นนี้ เนื่องมาจากระบบการทำงาน และฟังก์ชั่นที่ยุ่งยากซับซ้อนของสมาร์ททีวีรุ่นอื่นๆ ส่งผลให้ชาวสหรัฐจำนวนมากที่ไม่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีตัดสินใจที่จะเลี่ยงการใช้งานสมาร์ททีวี นอกจากนี้ ผลวิจัยดังกล่าวยังแสดงให้เห็นว่า ภายใน 2 ปีนี้ ครัวเรือนชาวอเมริกัน 45% วางแผนที่จะซื้อโทรทัศน์ และ 42% ของครัวเรือนที่วางแผนจะซื้อโทรทัศน์จะเลือกซื้อสมาร์ททีวี ได้ นี่คือโอกาสของเรา จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีโทรทัศน์ระบบอัจฉริยะที่ใช้งานได้สะดวกเข้ามาเปิดตัวในตลาดสหรัฐอเมริกา และแอปเปิ้ลก็ยังไม่ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เทคโนโลยีที่เป็นปัญหาสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่นั้น แน่นอนว่า จะไม่ได้รับการตอบรับที่ดี ข้อได้เปรียบของระบบ VIDAA คือ การใช้งานง่าย ซึ่งเป็นจุดขายหลักในตลาดสหรัฐ" หลิน หลาน ยังย้ำอีกว่า เขาคาดหวังกับความสำเร็จในตลาดของโทรทัศน์ระบบ VIDAA ไว้ค่อนข้างสูง
โทรทัศน์ระบบ VIDAA ของไฮเซนส์ที่จัดแสดงในงาน CES ประกอบไปด้วยฟังก์ชั่นพื้นฐานที่สำคัญ 4 ประการ ซึ่งช่วยให้สับเปลี่ยนการใช้งานระหว่างการรับชมทีวีแบบสดๆ และอินเทอร์เน็ตวีดีโอเป็นไปอย่างรวดเร็ว และราบรื่น เทคโนโลยีดังกล่าวได้รับการพัฒนาโดยทีมงานของไฮเซนส์ในแคนาดา คริส ไทจห์ (Chris Tyghe) ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัทไฮเซนส์ กล่าวว่า "เทคโนโลยีใหม่ในโทรทัศน์ระบบ VIDAA เน้นความอัจฉริยะที่ยังคงใช้งานง่าย และเป็นผลลัพธ์จากแนวคิดใหม่เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตของไฮเซนส์ ผลิตภัณฑ์ที่มีความได้เปรียบด้านราคานี้ จะช่วยให้บริษัทเติบโตในตลาดอเมริกาได้อย่างรวดเร็ว"
โทรทัศน์ระบบ VIDAA เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศจีน ด้วยยอดขายทะลุ 1 ล้านเครื่องแล้วภายในระยะเวลา 8 เดือนนับตั้งแต่เริ่มวางจำหน่าย ผู้ซื้อโทรทัศน์ระบบ VIDAA กว่า 95% ช่วยกระตุ้นบริการอินเทอร์เน็ตของ VIDAA ซึ่งปริมาณการใช้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านโทรทัศน์ VIDAA oyho มีมากกว่า 95%
ณ งาน CES ไฮเซนส์จะเปิดตัวเลเซอร์ทีวีราคาประหยัด และวางแผนที่จะจำหน่ายสินค้าดังกล่าวไปทั่วโลกเร็วๆนี้
แหล่งข่าว: ไฮเซนส์ กรุ๊ป