นายวุฒิชัย กล่าวอีกว่า กองทุนซีพีเอฟคืนสุขผู้สูงวัย เริ่มดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี 2554 มีแนวคิดมาจากหลักปรัชญา 3 ประโยชน์สู่ความยั่งยืน คือจะต้องเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และบริษัท ซึ่งวันนี้ธุรกิจของซีพีเอฟได้กระจายอยู่ทั่วประเทศ เราจึงเข้าไปดูแลชุมชนโดยรอบบริเวณที่ธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจการเลี้ยงสัตว์ และธุรกิจอาหารของเราตั้งอยู่ ซึ่งโครงการนี้เป็น 1 ใน 3 เสาหลักสู่ความยั่งยืนด้าน “สังคมพึ่งตน” โดยจะมุ่งเน้นไปที่การเข้าไปช่วยเหลือดูแลผู้สูงวัยในชุมชนของตนที่ถูกทอดทิ้ง ยากจน และไม่มีบุตรหลานคอยดูแล ซึ่งนับวันจำนวนผู้สูงวัยเหล่านี้มีแต่จะเพิ่มสูงขึ้นในสังคม
“เราได้เชิญภาคีเครือข่ายในท้องถิ่น อาทิ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต. เจ้าหน้าสาธารณสุข และชาวบ้านในชุมชนมาร่วมเป็นคณะกรรมการคัดเลือกผู้สูงวัยเพื่อเข้าร่วมโครงการ เนื่องจากหน่วยงานเหล่านี้จะลงพื้นที่คลุกคลีกับชาวบ้านจึงทราบว่าใครที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยจะลงพื้นที่พร้อมกับซีพีเอฟจิตอาสาที่เข้าไปดูแลด้านความเป็นอยู่การปรับปรุงสถานที่อยู่อาศัยให้ถูกสุขลักษณะ การส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปตรวจสุขภาพ สำหรับผู้สูงอายุที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้บริษัทจะให้การสนับสนุนและส่งเสริมอาชีพตามศักยภาพ รวมถึงการจัดกิจกรรมฟื้นฟูสภาพจิตใจและสันทนาการอีกด้วย” นายวุฒิชัย กล่าว
ซีพีเอฟต้องการสร้างจิตสำนึกให้พนักงานมีจิตใจอาสาช่วยเหลือสังคม เพื่อให้พนักงานของเราเป็นทั้งคนเก่งและคนดี เห็นคุณค่าของผู้สูงวัยซึ่งเคยเป็นทรัพยากรบุคคลที่ทำประโยชน์ให้กับสังคมมายาวนาน เราจึงควรนำความรู้ความสามารถของผู้สูงวัยซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นมาถ่ายทอดให้คนในชุมชนนอกจากจะช่วยพัฒนาชุมชนแล้วยังนำมาซึ่งความภาคภูมิใจให้กับผู้สูงวัย ซึ่งในวันนี้ผู้สูงวัยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซีพีเอฟจึงเข้ามาดูแล มาช่วยกันสร้างให้สังคมไทยให้ตระหนักถึงความสำคัญของความกตัญญูกตเวที ซึ่งจะก่อเกิดเป็นสังคมแห่งความเอื้ออาทร ช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกัน เกื้อกูลกัน อันนำไปสู่การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข./