การดูแลรักษาความชุ่มชื้นในดินจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะการใช้เศษตอซังฟางข้าว หรือนำเศษซากเหลือใช้จากอินทรีย์วัตถุ ฟาง เศษใบอ้อย กิ่งไม้ใบหญ้าที่ได้จากการตัดแต่งกิ่งต้นไม้ต่างๆ ถ้าเป็นชิ้นใหญ่ ก็ทำการหั่น สับ บด ให้ละเอียดเสียก่อน เพื่อความสะดวกในการนำไปคลุมผิวดิน อินทรีย์วัตถุเมื่อนำไปคลุมผิวหน้าดิน คลุมโคนต้นก็จะช่วยดักน้ำและความชื้นมิให้สูญเสียไปสู่อากาศโดยง่าย อีกทั้งทำหน้าที่เป็นบ้านช่วยบังแสงแดดให้จุลินทรีย์ ลดการสูญเสียของจุลินทรีย์ที่ดีมีประโยชน์ไม่ว่าจะเป็น แอคติโนมัยซิท โปรโตซัว มัยคอร์ไรซ่า ไรโซเบียม ไส้เดือน ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ช่วยรักษาคุณภาพของดินให้ดีอยู่ตลอดเวลา นอกจากประโยชน์จากการคลุมหน้าดินแล้วยังสามารถหมักเป็นปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกให้พืชอีกด้วย ทั้งยังช่วยลดโลกร้อนจากการเผาไหม้ และลดก๊าซเรือนกระจกไปสู่ชั้นบรรยากาศได้เป็นอย่างดี
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ จึงแนะนำวิธีแก้ปัญหาภัยแล้งในกรณีที่ขาดแคลนแหล่งน้ำอย่างหนัก โดยใช้สารอุ้มน้ำโพลิเมอร์ 1 กิโลกรัม นำไปแช่น้ำ 200 ลิตรทิ้งไว้ 3 - 4 ชั่วโมง หรือ 1 คืน ก็จะพองขยายตัวออกมาอย่างเต็มที่ แล้วนำไปรองก้นหลุมก่อนปลูก หรือจะนำไปใส่ไว้ข้างต้นไม้หรือพืชที่กำลังประสบปัญหาภัยแล้ง ยืนต้นตายก็ทำได้เช่นกัน โดยการขุดหลุมประมาณ 50x50 เซนติเมตร หรือขึ้นอยู่กับขนาดของพืชแต่ละชนิด แล้วทำการกลบให้มิดชิดอย่าให้โดนแสงแดด เพื่อกักเก็บความชื้นไว้ให้ดีที่สุด จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในดิน ทำให้พืชมีน้ำไว้ใช้ได้ตลอด 3-6 เดือนโดยไม่ต้องรดน้ำ และอยู่รอดปลอดภัย ผ่านพ้นวิกฤตภัยแล้งไปได้
สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัย หรือต้องการคำปรึกษา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยตรงที่ 02 986 1680-2
สนับสนุนบทความโดย นายมนตรี บุญจรัส
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยกรีน อะโกร จำกัด
สอบถามข้อมูลข่าวได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทรศัพท์ 0 2000 8499 , 081 732 7889