CoCo ปล่อยแคมเปญปริศนา ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

จันทร์ ๑๕ ธันวาคม ๒๐๑๔ ๑๓:๒๗
CoCo Fresh Tea & Juice ปล่อยแคมเปญเด็ดทิ้งทวนท้ายปี ทุ่ม 5 ล้านบาทเปิดแคมเปญ Mystery Drinks หลังสร้างกระแสเป็นที่ฮือฮามาแล้วในไต้หวัน มั่นใจเพิ่มยอดขายโค้งสุดท้ายของปีไม่ต่ำกว่า 10-15% พร้อมเดินหน้าทุ่มอีก 3 ล้านบาทจัด 2 แคมเปญต่อเนื่องถึงเดือนเมษายนปีหน้า หวังกระตุ้นยอดขายรวมโตขึ้นอีก 20%

นายกฤตพณ ทัพพะรังสี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ด แอนด์ ดริ๊งค์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของชานมไข่มุกระดับพรีเมี่ยมจากไต้หวันแบรนด์ CoCo Fresh Tea & Juice กล่าวว่า CoCo Fresh Tea & Juice ประเทศไทยได้ทุ่มงบประมาณ 5 ล้านบาท ในการทำแคมเปญเมนูปริศนา Mystery Drinks ตลอดเดือนธันวาคมนี้ เพื่อปลุกให้ตลาดชานมไข่มุกในประเทศไทยคึกคักและมีสีสันในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ด้วยการเปิดตัว 3 เมนูใหม่สู่ท้องตลาด ซึ่งแคมเปญดังกล่าวได้ประสบความสำเร็จอย่างมากในไต้หวัน และประเทศไทยเป็นประเทศที่สองที่นำแคมเปญนี้มาทำการตลาด ซึ่งมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จไม่แพ้ที่ไต้หวันอย่างแน่นอน

“3 เมนูรสชาติใหม่ที่เราจะนำเข้ามาในประเทศไทย จะยังคงเป็นปริศนากับเครื่องหมาย "?" ที่เราใช้ตกแต่งร้านชานมไข่มุก CoCo ทุกสาขา โดยจะทยอยเปิดตัวทีละรสชาติ และจะมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้า50 คนแรกที่มาเข้าแถวรอการเผยโฉมของเมนูใหม่ สัปดาห์ละ 1 เมนู ที่ร้านชานมไข่มุก CoCo ทั้ง 16 สาขา ได้เฉพาะในวันที่กำหนดคือวันที่ 12,19 และ 26 ธันวาคม และมีเพียงวันละ 2 รอบเท่านั้น คือเวลา 12:30 และ 17:30 น. (ยกเว้นสาขาเอเชียทีค เวลา 17:30 และ 20:30 น.) ส่วนลูกค้าที่มาต่อคิวไม่ทัน 50 คนแรก ก็จะได้รับสิทธิในการซื้อเมนูใหม่ ในราคาพิเศษที่ลดมากกว่า 20% อีกด้วย”

สำหรับสาเหตุที่บริษัททำแคมเปญดังกล่าวขึ้นมา เนื่องจากกลุ่มลูกค้าของร้านชานมไข่มุก CoCo ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มตลาดระดับกลางถึงระดับบนและเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวซึ่งรู้จักแบรนด์ CoCo เป็นอย่างดี ดังนั้นในช่วงเวลาส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมากประกอบกับ 16 สาขาของร้านชานมไข่มุก CoCo ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณสถานที่ที่นักท่องเที่ยวชอบมาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่ สยามพารากอน สยามสแควร์วัน เอเชียทีค แพลทตินั่ม ยูเนี่ยนมอลล์ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โลตัสอ่อนนุช โลตัสรามอินทรา ฯลฯ ก็จะทำให้แคมเปญนี้เกิดความคึกคักและเป็นที่สนใจ อีกประการหนึ่งคือ ปกติCoCoจะมีแคมเปญกระตุ้นการตลาดทุกปี แต่ปีที่แล้วเนื่องจากปัญหาทางการเมืองทำให้ไม่มีแคมเปญออกมาสู่ตลาด ดังนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะกลับมาสร้างตลาดให้คึกคักอีกครั้งหนึ่ง

นายกฤตพณ กล่าวว่า ตนเองมั่นใจว่าแคมเปญนี้จะช่วยสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น 15-20% เนื่องจากเป็นแคมเปญที่ประสบความสำเร็จมาแล้วอย่างมากที่ไต้หวัน ซึ่งที่ไต้หวันมีการถ่ายรูปและแชร์ในแฟนเพจของ CoCo ไต้หวันจนมียอดแฟนเพจเพิ่มขึ้นกว่า60% โดยตนเองมั่นใจว่าในประเทศไทยต้องประสบความสำเร็จมากกว่าแน่นอนโดยเฉพาะยอดแฟนเพจใน www.facebook.com/cocothailand ต้องเติบโตมากกว่า 60% เพราะจำนวนคนไทยที่ชอบเล่นโซเชียลมีเดียก็อยู่ในระดับต้นๆของโลกอยู่แล้ว

นอกจากแคมเปญเมนูปริศนาดังกล่าวแล้ว บริษัทยังใช้งบประมาณอีก 3 ล้านบาท ในการกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่องไปจนถึงเดือนเมษายน 2558 ด้วยอีก 2 แคมเปญคือ แคมเปญชิงโชคลุ้นรางวัลใน CoCo Thailand แฟนเพจ อาทิเช่น iPhone 6 ,Mini iPad และรางวัลอื่นๆอีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 5 แสนบาท และแคมเปญ แจกคูปองแลกเครื่องดื่มฟรี ซึ่งหากรวมการทำตลาดของทั้ง 3 แคมเปญ คาดว่าจะทำให้ยอดขายบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างน้อย20%

สำหรับสถานการณ์การแข่งขันต้องยอมรับว่าตลาดในประเทศไทยมีชานมไข่มุกจำหน่ายจำนวนมากทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์จากต่างประเทศ แต่หากเทียบแบรนด์ต่างประเทศด้วยกันแล้วพบว่ามีแบรนด์หลักๆอยู่ประมาณ 5 แบรนด์ในตลาด ซึ่ง CoCo มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 สำหรับแบรนด์ต่างประเทศ อีกทั้ง CoCo ยังเป็นแบรนด์จากไต้หวันซึ่งเป็นประเทศต้นตำรับเรื่องชานมไข่มุกเพียงแบรนด์เดียว ที่มีสาขาทั่วโลกมากกว่า 1,900 สาขา โดยอยู่ในประเทศจีนกว่า1,500 สาขา และไต้หวัน กว่า 300 สาขา จึงทำให้หลังจากที่ทำตลาดในประเทศไทยมาเพียง 2 ปีกว่า แบรนด์ CoCo มีส่วนแบ่งตลาดในระดับกลางถึงระดับบน ถึง 30% และนับเป็นอันดับ3 ในตลาดรวมอย่างรวดเร็ว

ด้วยจุดเด่นคือเป็นชานมไข่มุกจากไต้หวัน 100% ทั้งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต อุปกรณ์ที่ใช้ในร้าน การบริการที่ดี ความสะอาด ตลอดจนการคิดค้นเมนูใหม่ๆทุก 3 เดือน และที่สำคัญคือรสชาติที่เหมือนกันกับร้านชานมไข่มุก CoCo ต้นตำหรับที่ไต้หวัน ทำให้ลูกค้าที่รู้จักและชื่นชอบชานมไข่มุก CoCo จากไต้หวันอยู่แล้ว รวมถึงลูกค้าใหม่ที่ชื่นชอบชานมไข่มุก เข้ามาเป็นลูกค้าของร้านชานมไข่มุก CoCo ได้ไม่ยาก จนทำให้ปัจจุบัน CoCo มียอดขายรวมในประเทศไทยปีละประมาณ 40 ล้านบาท ซึ่งในปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 4-5 สาขา โดยยังคงเน้นขยายสาขาในกรุงเทพฯก่อน ที่จะขยายไปต่างจังหวัด

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง