นายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เทศกาลปีใหม่ของทุกปีจะเป็นช่วงที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน เป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนากันเป็นจำนวนมาก จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้ง่าย จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุทางถนนเกิด ขึ้นถึง 3,174 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 366 ราย และจำนวนผู้บาดเจ็บ 25,950 คน รับไว้รักษาตัวในโรงพยาบาล 3,375 คนสาเหตุอันดับหนึ่งมาจากการเมาสุราแล้วขับรถร้อยละ 41.71 อันดับสองจากการขับรถเร็วเกินกำหนดร้อยละ 25.83 อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดบนทางหลวงแผ่นดินร้อยละ 37.05 บนถนนอบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 35.03 และบนทางหลวงชนบท ร้อยละ 14.30 โดยพบว่าทุกวันจะมีคนไทย เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 38 คน ร้อยละ 20-25 หรือประมาณปีละ 2,800-3,500 คนจะเกี่ยวข้องกับการเมาแล้วขับ
เทศกาลปีใหม่2558 นี้กรมควบคุมโรคได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน ให้รับผิดชอบในเรื่องของการป้องกันควบคุมไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ เพื่อสร้างความปลอดภัยในการเดินทางแก่ประชาชนในทุกพื้นที่ ลดอัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนและลดการสูญเสียให้มากที่สุดโดยมุ่งลดปัจจัยเสี่ยงหลักที่เป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งจากคน รถ ถนน และสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งกรมควบคุมโรคได้หารือร่วมกับกรมการปกครองโดยศึกษาจากข้อมูลระบาดวิทยา สถิติการบาดเจ็บและการสูญเสียจากอุบัติเหตุที่ผ่านมา สามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อกำหนดแนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ได้ 4 มาตรการคือ มาตรการที่ 1. การดำเนินการป้องกันโดยใช้ภาคีเครือข่ายโครงสร้างอำเภอควบคุมโรคเข้มแข็งซึ่งมีนายอำเภอเป็นผู้นำดำเนินการโดยจะศึกษาดูว่าสาเหตุของอุบัติเหตุเกิดจากอะไร เกิดขึ้นที่ไหน เกิดกับใคร และเกิดเวลาใด เพื่อเอาข้อมูลเหล่านี้มาวางแนวทางป้องกันเช่นพบว่าถนนนี้มีโค้งอันตรายเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ไฟส่องสว่างไม่มี หรือมีกิ่งไม้บดบังการมองเห็นก็จะขอให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องช่วยดำเนินการแก้ไข
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อไปว่า มาตรการที่ 2. คือการตั้งด่านชุมชนหรือถนนสายรองในช่วง 7 วันอันตรายระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2557- 5 มกราคม 2558 เพื่อสกัดกลุ่มเสี่ยง จะช่วยกันดูว่าใครที่เสี่ยงแล้วผ่านมา ที่สำคัญคือผู้ที่ขี่มอเตอร์ไซด์ เมา ไม่สวมหมวกกันน็อค ใช้ความเร็ว โดยจะใช้มาตรการป้องปราม เตือน และพากลับบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ มาตรการที่ 3. การบังคับใช้กฎหมายของกรมควบคุมโรค คือ พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งช่วงนี้จะเข้มงวดในเรื่องของสถานที่ห้ามขายห้ามดื่ม ช่วงเวลาที่ห้ามขาย และห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่บุคคลที่อายุต่ำกว่า 20 ปี รวมทั้งขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตรวจจับความเร็วของรถ ส่วน มาตรการที่4. การสื่อสารประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนว่าใครคือกลุ่มเสี่ยง สื่อสารความเสี่ยงให้ประชาชนทราบ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมในการป้องกันและลดอุบัติเหตุ โดยจะมีการเดินสายขอความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในระดับต่างๆด้วย ซึ่งเชื่อว่าการใช้มาตรการดังกล่าวและการเอาจริงเอาจังจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องน่าจะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในปีใหม่นี้ได้
ด้าน นายกฤษฎา บุญราช อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า กรมการปกครองได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอกอนุพงศ์ เผ่าจินดาให้รับผิดชอบดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ เนื่องจากมีวันหยุดยาวถึง 5 วัน จากสถิติกระทรวงสาธารณสุขระบุว่าอุบัติเหตุที่เกิดมากพบในถนนสายรองซึ่งหมายถึงถนนสายเล็กๆในตำบลหรือในหมู่บ้าน ตรงนี้เรามีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ภายใต้การปกครองของอำเภอซึ่งเรามี 878 แห่ง ดังนั้นปีนี้เราจะให้นายอำเภอขอความร่วมมือกับกำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนร่วมมือกับคณะกรรมการหมู่บ้าน จัดเจ้าหน้าที่อาสมัครออกมาตั้งด่านตรวจเพื่อเฝ้าระวังและดูแลความปลอดภัยทางถนนในพื้นที่ พร้อมทั้งขอร้องพี่น้องประชาชนตามตำบล หมู่บ้านต่างๆถ้าเมาแล้วอย่าขับ
โดยจะมีการตั้งกฎกติกาของหมู่บ้านว่า 1.ถ้าเมาสุราแล้วห้ามขับรถ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือแม้แต่รถสองล้อถีบ 2.ขอความร่วมมือให้ร้านค้าขายในหมู่บ้านไม่ว่าจะเป็นญาติกับกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านหรือคณะกรรมการหมู่บ้าน ต้องไม่ขายเหล้า เบียร์ ให้คนขับขี่รถจักรยานยนต์หรือจักรยานที่มีอาการมึนเมา 3.ถ้าไม่ได้ผลจริงๆจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และจะมีการตั้งด่านตรวจเข้มให้มากที่สุดในช่วง 4โมงเย็นจนถึง 5ทุ่ม ซึ่งคิดว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยลดอุบัติเหตุของพื้นที่ในช่วงเทศกาลปีใหม่หรือช่วงเทศกาลหยุดยาวได้/.อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวปิดท้าย