พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กล่าวว่า จากกรณีของผู้ประสบปัญหาทางสังคมที่มีการนำเสนอผ่านสื่อต่างๆนั้น ในกรณีหญิงชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ อายุ ๕๐ ปี ป่วยเป็นอัมพาต เคลื่อนไหวและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ใช้ชีวิตอย่างลำเค็ญอาศัยอยู่กับสามีอายุ ๖๓ ปี ภายในซากกระท่อมไม่มีเลขที่ซึ่งถูกลมพายุพัดจนพัง ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช (พมจ.นครศรีธรรมราช) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเร่งให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือให้หญิงดังกล่าวได้สิทธิรับเบี้ยยังชีพคนพิการ รวมถึงประสานกับทุกภาคส่วนช่วยซ่อมแซมปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้สองสามีภรรยาอย่างเร่งด่วน
พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนกรณีพบเด็กแฝดชายหญิงอายุ ๔ เดือน มีความพิการ พ่อแม่เด็กต้องการความช่วยเหลือ เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจน ซึ่งทารกคนหนึ่งพิการมือเท้ากุด แต่มีเล็บเท้างอกยาวออกมาและเล็บทิ่มเนื้อที่กุดจนเป็นแผล ที่จังหวัดสระบุรีได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสระบุรี (พมจ.สระบุรี) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเร่งให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาลเด็กแฝดต่อไป
“สำหรับกรณีการช่วยเหลือเด็กกำพร้า ๑๐ คน ที่พ่อแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถซาเล้งพลิกคว่ำ เมื่อวันที่ ๑๒ ม.ค.ที่ผ่านมา และทิ้งลูก ๑๐ คน ให้ยายวัย ๗๐ ปี เลี้ยงดูเพียงลำพัง ซึ่งครอบครัวมีฐานะยากจน ที่จังหวัดปราจีนบุรี โดยล่าสุดพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปราจีนบุรี(พมจ.ปราจีนบุรี) ได้ลงพื้นที่ดำเนินการช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าวเบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนได้กำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องติดตามช่วยเหลือดูแลเด็กทั้ง ๑๐ คน อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าวในระยะยาวต่อไป”
พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวตอนท้าย