พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า จากกรณีชาวบ้านพบเห็นนักเรียนมัธยมต้นสถาบันการศึกษาชื่อดังในอำเภอสัตหีบ กำลังมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมพลอดรักกัน ที่บริเวณหน้าศูนย์ราชการจังหวัดชลบุรี เป็นเวลานานกว่าชั่วโมง โดยไม่มีท่าทีสนใจสายตาผู้สัญจรผ่านไปมา และกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจอาสา ควบคุมตัววัยรุ่นชาย-หญิง อายุ ๑๗ ปี ซึ่งอยู่ในเครื่องแบบนักเรียน กำลังมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พลอดรักและแอบมีเพศสัมพันธ์กันในห้องน้ำสาธารณะ ภายในสวนสุขภาพเกาะลอย ที่จังหวัดเชียงรายนั้น ตนเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาสังคม โดยเฉพาะปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ซึ่งตนมีความห่วงใยเด็กเยาวชนที่จะเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคตและได้กำชับให้กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) พร้อมทั้งหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯที่เกี่ยวข้อง เก็บข้อมูลและความถี่ไว้เพื่อนำไปศึกษาสาเหตุของเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม และหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระยะยาวต่อไป
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกรณีเด็กชาย อายุ ๑๓ ปี ยอดกตัญญู เลี้ยงดูพ่ออายุ ๗๒ ปีที่พิการเดินไม่ได้ สะโพกหลุด ซึ่งในทุกวันเด็กชายจะอดและเก็บข้าวกลางวันที่โรงเรียนไว้ เพื่อเก็บมาให้พ่อกินประทังชีวิต ครอบครัวมีฐานะยากจน อาศัยอยู่ใต้สะพานโดยใช้สังกะสีกั้น ที่จังหวัดนนทบุรีนั้น นับว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของเด็กและเยาวชน ที่กตัญญูดูแลพ่อ ซึ่งตนขอชื่นชมเด็กชายดังกล่าว และกำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนนทบุรี (พมจ.นนทบุรี) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจกระทรวงฯ พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมและถูกสุขลักษณะ รวมทั้งดูแลด้านการศึกษาเพื่อเด็กได้เรียนอย่างต่อเนื่อง
“สำหรับกรณีพบผู้ติดเชื้อไวรัส “เมอร์ส” ในประเทศไทยนั้น ขอให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยเฉพาะสถานสงเคราะห์ต่างๆ ที่ต้องให้บริการดูแลประชาชนกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก ต้องเตรียมมาตรการในการป้องกันเพื่อไม่ให้มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส“เมอร์ส” ในหน่วยงานของสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯแต่ไม่ตื่นตระหนก นอกจากนี้ยังได้กำชับให้ทุกหน่วยงานเตรียมหาแนวทางช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งทั่วประเทศ ตามภารกิจของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ” พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวท้าย