พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า รัฐบาลกำหนดให้การบริหารจัดการน้ำเป็นวาระแห่งชาติ ได้กำหนดการดำเนินการต่างๆ เป็นขั้นตอนตามช่วงระยะเวลา โดยช่วงแรกปี ๒๕๕๗-๒๕๕๙ ตั้งเป้าดำเนินการ ๑๒ กิจกรรม อาทิ หาแหล่งน้ำเพิ่ม ทำระบบส่งน้ำ ขุดลอกคูคลอง ทำแก้มลิง ขยายอ่างเก็บน้ำ เป็นต้น และกำชับหน่วยงานทุกกระทรวง ให้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้เตรียมความพร้อมตั้งรับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปัญหาภัยแล้งล่วงหน้าแล้ว โดยมีการลงพื้นที่ตรวจสอบประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการน้ำของหน่วยงานกระทรวงฯ ที่จังหวัดปทุมธานี และได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ทั้ง ๑๒ แห่ง เร่งดำเนินการ ดังนี้ ๑)แผนระยะสั้น ประชุมชี้แจงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเตรียมจัดหาภาชนะเพิ่มเติมสำหรับกักเก็บน้ำ แจกจ่ายทุกอาคาร เพื่อใช้อุปโภคและบริโภค ในช่วงวิกฤต โดยให้ทุกอาคารสำรองน้ำไว้ กำหนดเวลาปิด-เปิดน้ำ และซ่อมแซมก๊อกน้ำ อุปกรณ์เกี่ยวกับระบบน้ำให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ๒)แผนระยะยาว กำหนดมาตรการประหยัดน้ำ ให้ใช้น้ำเท่าที่จำเป็น นำน้ำจากแหล่งอื่น เช่น จากบึงมาใช้ในการล้างห้องน้ำ ซักผ้า เป็นต้น หาแหล่งน้ำเสริม จัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องสูบน้ำ สำรวจแหล่งน้ำภายในสถานสงเคราะห์ ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอรับการสนับสนุนน้ำสะอาด ในกรณีน้ำสำรองขาดแคลนหรือไม่เพียงพอ
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่อไปว่า จากกรณีนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) แสดงความห่วงใยในเรื่องปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อม หรือคุณแม่วัยใส ที่มีสถิติจำนวนเพิ่มมากขึ้น และด้านวิป สนช.เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ เข้าที่ประชุมในวันที่ ๒๓ ก.ค.นี้ เนื่องจากข้อมูลจากกรมอนามัย พบว่า วัยรุ่นหญิงที่มีอายุ ๑๕ ปี มีอัตราการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมเพิ่มจาก ๔ คนต่อวัน เป็น ๙ คนต่อวัน นั้น ขณะนี้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯและกระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างการจัดทำ master plan เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ ไม่พร้อม ที่เป็นแผนแบบ one goal one plan
“จากกรณีเด็กหญิงสองพี่น้องฝาแฝด อายุ ๗ ขวบ มีลำตัวติดกัน ไม่มีรูทวารตั้งแต่กำเนิด ต้องเจาะหน้าท้องเพื่อขับถ่าย พิการขาลีบไม่สามารถเดินได้ อาศัยอยู่กับปู่และย่า เนื่องจากพ่อ-แม่ ไม่มีเวลาเลี้ยงดู ครอบครัวมีฐานะยากจน ไม่มีเงินค่ารักษาพยาบาล ที่จังหวัดนครสวรรค์ และกรณีชายชรา อายุ ๗๐ ปี ป่วยเป็นโรคประจำตัวพาคินสัน ตัวสั่นตลอดเวลา ต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกสาว อายุ ๔๒ ปี ที่ร่างกายพิการเดินไม่ได้ตั้งแต่กำเนิด ปากแหว่ง จมูกโหว่ ครอบครัวมีฐานะยากจน และไม่เคยมีบัตรประชาชนเพื่อขอรับสิทธิใดๆ ที่จังหวัดชัยนาท ทั้ง ๒ กรณี ตนได้กำชับ ให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทั้ง ๒ จังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจกระทรวงฯ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลต่อไป อีกกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมชาย อายุ ๔๑ ปี ภายหลังก่อเหตุพยายามข่มขืนกระทำชำเราลูกสาว อายุ ๖ ขวบ แต่ไม่สำเร็จ จึงทำอนาจารจนสำเร็จความใคร่ ที่จังหวัดอุดรธานี ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุดรธานี (พมจ.อุดรธานี) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมเร่งเยียวยาสภาพจิตใจของเด็กหญิงและครอบครัวโดยด่วน” พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวท้าย