นายวีระ กล่าวต่อว่า พระพุทธรูปสำคัญทั้ง 9 องค์ ประกอบด้วย 1.พระพุทธสิหิงค์ แบบศิลปะ สุโขทัย-ล้านนา ประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 20-21 ซึ่งเชื่อว่าพระพุทธสิหิงค์เมื่อประทับอยู่ ณ ที่ใด ย่อมทรงทำให้พระพุทธศาสนารุ่งเรือง ดั่งดวงประทีปชัชวาล เหมือนหนึ่งว่าพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ 2. พระพุทธรูปทรงเครื่อง ปางมารวิชัย แบบศิลปะล้านนา พุทธศตวรรษที่ 21 ซึ่งพระพุทธรูปทรงเครื่อง หมายถึง อำนาจและธรรมอันเป็นแก่นสารยิ่งกว่าอำนาจแห่งทรัพย์สมบัติทั้งหลาย 3.พระชัยเมืองนครราชสีมา หมายถึงการขจัดอุปสรรคต่างๆ และอำนวยพรให้พิธีกรรมสำเร็จผล 4.พระพุทธรูปปางประทานธรรม ศิลปะอยุธยา พุทธศตวรรษที่ 20 คือการหมุนวงล้อแห่งธรรม เพื่อเผยแผ่พระศาสนา อันเป็นพุทธกิจสำคัญของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์
รมว.วธ.กล่าวต่อว่า 5.พระพุทธรูปปางลองหนาว แบบศิลปะอยุธยา พุทธศตวรรษที่ 22-23 ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษา ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นปางที่สมควรแก่พระประสูติมงคลสมัยอันมีในเหมันตฤดูกาล (ฤดูหนาว) 6.พระพุทธรูปปางฉันสมอ ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ 24 บูชาเพื่อความปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ 7.พระพุทธรูปปางโปรดมหิศรเทพบุตร ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ 24 บูชาเพื่อขจัดมิจฉาทิฐิ หรือความเห็นผิด 8.พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ 25 โดยพระพุทธองค์ประทับบนแท่นศิลา มีช้างถวายกระบอกน้ำและลิงถวายรวงผึ้ง แสดงถึงอุเบกขาบารมีของพระพุทธองค์ และ9.พระพุทธรูปปางขอฝน ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ 25 เป็นพระพุทธรูปสำหรับใช้ในพระราชพิธีพิรุณศาสตร์ (พรุณศาสตร์) และงานพระราชพิธีพืชมงคล พระราชพิธีสำคัญของบ้านเมือง อันเอื้ออำนวยความอุดมสมบูรณ์แก่พระราชอาณาจักร และอาณาประชาราษฎร์ ทั้งนี้ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมสักการะบุชาพระพุทธรูปปางสำคัญทั้ง 9 องค์ เพื่อขอพรและเพื่อความเป็นสิริมงคงช่วงเทศกาลปีใหม่ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ