สำหรับเหตุผลที่เกษตรกรยังเข้าร่วมโครงการน้อย เช่น ราคายางในท้องถิ่นปรับตัวสูงขึ้น อยู่ที่ประมาณ 42 บาท/กก. (ยางแผ่นดิบชั้นสาม) บางพื้นที่ปิดกรีดยางแล้ว เกษตรกรมีความกังวลในเรื่องคุณภาพของยางว่าจะไม่ผ่านเกณฑ์ตามที่โครงการกำหนด แต่ก็ยังมีความต้องการยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตร บางพื้นที่อากาศแปรปรวนฝนตก การรับเงินผ่าน ธ.ก.ส. ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 วัน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ ได้สั่งการและเน้นย้ำทุกขั้นตอนให้เกิดความโปร่งใส ประโยชน์เกิดกับเกษตรกรอย่างเต็มที่ หากเปิดช่องที่มีโอกาสทุจริต เชื่อมั่นว่าเกษตรกรจะเสียประโยชน์จากการสวมสิทธิ ผลที่ตามมาเกษตรกรถูกเอารัดเอาเปรียบต่อไป ขอให้เชื่อมั่น ทั้งนี้ หากพบเห็นทุจริตขอให้แจ้งมายังกระทรวงเกษตรฯ จะยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ การยางแห่งประเทศไทยได้ตั้งศูนย์ประสานงานจุดรับซื้อยางโครงการส่งเสริมการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐ มีอำนาจหน้าที่ในการจัดเตรียมสถานที่รับซื้อ และจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติ หน้าที่รับซื้อยางให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย คือเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท. เท่านั้น และ ป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการใช้ชาวสวนยางเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ พร้อมทั้งรายงานผลการ ดำเนินงานต่อคณะกรรมการบริหารโครงการ และส่งมอบยางให้ผู้รับผิดชอบในการเก็บรักษายาง ณ การยาง แห่งประเทศไทย เบอร์โทร 02-433-3674 , 02-433-2222 และเบอร์โทรสาร 02-4243683
สำหรับความคืบหน้าผลการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง เจ้าของสวนยาง จำนวน 42,770 ครัวเรือน จำนวนเงิน 359,072,775 บาทท คนกรีดยาง จำนวน 40,856 ครัวเรือน จำนวนเงิน 226,763,100 บาท รวมทั้งสิ้น จำนวน 83,626 ครัวเรือน จำนวนเงิน 585,835,875 บาท จากข้อมูลการรับแจ้งเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯแล้ว จำนวน 350,882 ครัวเรือน บันทึกข้อมูลลงในระบบแล้ว จำนวน 150,882 ครัวเรือน อยู่ระหว่างตรวจสอบความถูกต้องและบันทึกข้อมูลลงในระบบ จำนวน 200,000 ครัวเรือน (ข้อมูล ณ วันที่ 27 ม.ค. 2559 เวลา 09.30 น)