นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศของ 9 จังหวัดภาคเหนือกับกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2559 พบว่า คุณภาพอากาศในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง มีค่าปริมาณฝุ่นละออง (PM10) ระหว่าง 40 - 101 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ระหว่าง 50 – 88 ซึ่งคุณภาพอากาศโดยรวมไม่มีจังหวัดใดที่คุณภาพอากาศส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
เพื่อลดปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประสานจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยสนธิกำลังในการระดมเจ้าหน้าที่ วัสดุอุปกรณ์ควบคุมไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนอย่างเข้มข้น วางมาตรการคุมเข้มควบคุมการเผาในเขตชุมชน พื้นที่การเกษตรและพื้นที่ป่าไม้ จัดทำประชาคมกำหนดกติกาจัดระเบียบการเผา เพื่อควบคุมสถานการณ์หมอกควันมิให้วิกฤตมากขึ้น โดยมุ่งเน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนทราบถึงผลกระทบของหมอกควันที่มีต่อสุขภาพอนามัย รวมถึงระดมสรรพกำลัง เจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย ยานพาหนะรถยนต์ต่อต้านวินาศกรรม และอุปกรณ์ดับเพลิงระบบควบคุมระยะไกล จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ศูนย์ฯ เขตละ 2 คัน รวมจำนวน 12 คัน ปฏิบัติการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในอากาศในพื้นที่วิกฤต โดยจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่
ภาวะปกติ สำหรับประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม ให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน เพราะจะสูดดมฝุ่นละอองจำนวนมากเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เจ็บป่วยได้ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว รวมถึง
ใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูก เพื่อป้องกันการสูดดมฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย ส่วนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนเป็นพิเศษ เพราะทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางต่ำ อาจเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้ ทั้งนี้ ประชาชน
ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสาขาในพื้นที่ หรือ
สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th