นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ระยะนี้หลายพื้นที่เกิดฝนตกหนัก วาตภัย และคลื่นลมแรง โดยตั้งแต่วันที่ 20 – 26 พฤษภาคม 2559 มีพื้นที่ประสบภัย 15 จังหวัด แยกเป็น ภาคเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ ตาก และสุโขทัย ภาคตะวันออก 2 จังหวัด ได้แก่ ตราด และระยอง ภาคใต้ 11 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา ระนอง ตรัง ภูเก็ต พังงา นครศรีธรรมราช สตูล กระบี่ ยะลา และนราธิวาส รวม 47 อำเภอ 150 ตำบล 440 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 2,456 หลังคาเรือน โรงเรียน6 แห่ง วัด 4 แห่ง มัสยิด 1 แห่ง สถานที่ราชการ 13 แห่ง ผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 คน และผู้เสียชีวิต 3 ราย รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่ง ปภ.ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคและวัสดุซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย จัดไฟฟ้าส่องสว่างให้บริการในพื้นที่ที่ไฟฟ้าดับ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น รวมถึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซ่อมแซมสิ่งสาธารณูปโภค ทั้งระบบประปา ระบบไฟฟ้าให้ใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว ตลอดจนขนย้ายเสาไฟฟ้าและต้นไม้ที่หักโค่นกีดขวางเส้นทางสัญจร เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้เส้นทางได้ อีกทั้งจากการติดตามพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงวันที่ 27 พฤษภาคม – 6 มิถุนายน 2559 ด้านตะวันตกของประเทศจะมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะภาคใต้ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และด้านตะวันออกของภาคเหนือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้ประสานจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมรับมืออุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง จัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมการป้องกันและระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก โดยติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด รวมถึงปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หมั่นสังเกตสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติ หากน้ำเปลี่ยนเป็นสีขุ่น มีฝนตกหนักต่อเนื่อง จะได้อพยพหนีภัยทันท่วงที กรณีสถานการณ์รุนแรงได้เน้นย้ำให้ดำเนินการตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด แผนปฏิบัติการ และแผนเผชิญเหตุของอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงพิจารณาสั่งการอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยและเตรียมพร้อมศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับผู้ประสบภัย เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแก่ประชาชน ท้ายนี้ ผู้ประสบภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th