ปภ. ประสานการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากภาวะฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพมหานครเมื่อช่วงเย็นวันที่ 21 มิถุนายน 2559 ทำให้เกิดน้ำท่วมขังเนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน ในพื้นที่ 14 เขต รวม 27 จุด แยกเป็น เขตราชเทวี 6 จุด เขตดุสิต 3 จุด เขตตลิ่งชัน 2 จุด เขตพระนคร 2 จุด เขตสัมพันธวงศ์ 2 จุด เขตบางแค 2 จุด เขตสาทร 2 จุด เขตสวนหลวง 2 จุด เขตบางกอกน้อย 1 จุด เขตภาษีเจริญ 1 จุด เขตบางรัก 1 จุด เขตทุ่งครุ 1 จุด เขตดินแดง 1 จุด และเขตบางกะปิ 1 จุด สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 24 จุด ยังคงเหลือจุดที่น้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 เขต รวม 3 จุด ได้แก่ เขตตลิ่งชัน 2 จุด เขตทุ่งครุ 1 จุด รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขัง จึงได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรุงเทพมหานคร กองทัพบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา เร่งแก้ไขปัญหาจุดอ่อนน้ำท่วมขังบนเส้นทาง สายหลัก โดยเพิ่มเครื่องสูบน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำที่มีน้ำท่วมขังผิวจราจร เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่คลองและอุโมงค์ระบายน้ำ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤตนำรถกู้ภัยขนาดเล็กสนธิกำลังกับ ชุดเคลื่อนที่เร็วของกองบัญชาการตำรวจนครบาลและกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนในเส้นทางที่มีน้ำท่วมขัง ดูแลการจราจร อำนวยความสะดวกในการเดินทาง พร้อมให้บริการซ่อมแซม และเคลื่อนย้ายรถที่เครื่องยนต์ขัดข้องกีดขวางเส้นทาง โดยเฉพาะชั่วโมงเร่งด่วนในช่วงเช้าและบ่ายถึงค่ำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมขังแก่ประชาชน อย่างไรก็ตาม จากการติดตามพยากรณ์อากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา แม้พื้นที่กรุงเทพมหานครจะมีปริมาณฝนลดลง แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ต่อเนื่อง เนื่องจากกรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ต่ำ บางจุดมีสิ่งปลูกสร้างกีดขวางทางน้ำ และระบบระบายน้ำยังทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หากเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง จะทำให้เกิดการสะสมของน้ำในบางจุด ส่งผลให้การระบายน้ำเป็นไปด้วยความล่าช้า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้จัดตั้งศูนย์ประสานการปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนกรณีน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการประสานแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมขัง ทั้งนี้ ขอฝากให้ประชาชนตรวจสอบพยากรณ์อากาศและสภาพเส้นทางก่อนออกเดินทาง หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีน้ำท่วมขังและการจราจรติดขัด พร้อมเผื่อเวลาในการเดินทาง เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาการจราจร ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะฝนตกหนักและน้ำท่วมขัง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th