นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ภาวะฝนตกต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก ในพื้นที่อำเภอนครไทย รวม 8 ตำบล 65 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลห้วยเฮี้ย ตำบลนครไทย ตำบลบ้านพร้าว ตำบลหนองกระท้าว ตำบลนาบัว ตำบลเนินเพิ่ม ตำบลยางโกลน และตำบลบ่อโพธิ์ ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 275 ครัวเรือน 1,107 คน ปัจจุบันระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำการเกษตรบางพื้นที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในพื้นที่อำเภอพระแสง รวม 6 ตำบล 18 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลบางสวรรค์ ตำบล ไทรโสภา ตำบลไทรขึง ตำบลสาคู ตำบลสินปุน และตำบลอิปัน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 479 ครัวเรือน 1,809 แห่ง ถนนเสียหาย 9 แห่ง ปัจจุบันระดับน้ำลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลกและสุราษฎร์ธานีได้เข้าสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนในเบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องกับฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง คลื่นสูง 2 – 3 เมตร ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงยังพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง โดยมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ ในช่วงวันที่ 11 – 13 กรกฎาคม 2559 จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยและบริเวณชายฝั่งทะเลในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก บริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง เตรียมการป้องกันและระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก โดยติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ชาวประมงและผู้ประกอบการท่องเที่ยวทางทะเลบริเวณฝั่งอันดามันควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและประกอบกิจกรรมทางทะเล เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ ในส่วนของการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัดและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงเตรียมพร้อมรับมืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากฝนตกหนัก รวมถึงจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย ท้ายนี้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th