รมว.กษ. เปิดปฏิบัติการขับเคลื่อนการปรับเปลี่ยนกิจกรรมการผลิตในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม โดยใช้แผนที่ Agri-Map คัดเลือกพื้นที่นำร่อง 3 จังหวัด ได้แก่ ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และอุทัยธานี พร้อมมอบปัจจัยการผลิตทางการเกษตรแก่เกษตรกร

อังคาร ๒๖ กรกฎาคม ๒๐๑๖ ๑๕:๕๙
พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปรับเปลี่ยนการทำการเกษตรที่ไม่เหมาะสม โดยใช้ Agri-Map ในพื้นที่ ต.ชีบน อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ว่า กระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายให้จัดทำแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก ซึ่งเป็นแผนที่เกษตรที่บ่งบอกสภาพดิน แหล่งน้ำ โรงงาน ตลาด และโลจิสติก เป็นต้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งผู้บริหารนโยบายที่จะใช้ในการกำหนดนโยบายและวางแผนการผลิตทางการเกษตร ตลอดจนในระดับปฏิบัติการในการขับเคลื่อนกิจกรรมการผลิตภาคการเกษตรของไทย โดยในปัจจุบันได้ดำเนินการจัดทำแผนที่ Agri-Map ครบทุกจังหวัดทั่วประเทศและได้ส่งมอบและสื่อสารทำความเข้าใจแก่ผู้ปฏิบัติงานในระดับจังหวัดแล้ว

ปัจจุบันพบว่าประเทศไทยมีพื้นที่เกษตรกรรม จำนวน 130 ล้านไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทำเกษตรในพื้นที่ไม่เหมาะสม จำนวน16.67 ล้านไร่ ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนที่สูงมาก โดยในแผนที่ Agri-Map ได้นำเรื่องดินและน้ำมาใส่ด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในการทำการเกษตร และได้มีการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) การทำเกษตรในพื้นที่เหมาะสม รวมทั้งเหมาะสมในระดับปานกลางและดีมาก 2) การทำเกษตรในพื้นที่ไม่ค่อยเหมาะสม และ 3) การทำการเกษตรในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมเลย กระทรวงเกษตรฯ จึงได้บูรณาการการทำงานทั้งจากทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงมหาดไทย ภาคเอกชน และเกษตรกร โดยมุ่งหวังจัดทำแผนการปรับเปลี่ยนฯ เป็นแผนระยะยาว จำนวน 10 ปี โดยในปี 2559 - 2560 จะเร่งดำเนินการในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมก่อน อย่างไรก็ตาม ต้องดูถึงความต้องการทางการตลาดของสินค้าเกษตรประกอบด้วย

พลเอก ฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2559 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้คัดเลือกพื้นที่นำร่อง 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดอุทัยธานี เนื่องจากมีชนิดของพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมที่หลากหลาย และมีความพร้อมในการปรับเปลี่ยนกิจกรรมการผลิตในพื้นที่ไม่เหมาะสม เช่น ที่จังหวัดชัยภูมิ มีเกษตรกรเข้าร่วมการปรับเปลี่ยนกิจกรรม ได้แก่ 1) การปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชที่ไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงกระบือ (ภายใต้โครงการธนาคารโค–กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ จังหวัดชัยภูมิ) 2) การปรับเปลี่ยนพื้นที่นาข้าวเป็นแปลงหม่อน 3) การปรับเปลี่ยนพื้นที่นาข้าวเป็นบ่อเลี้ยงปลา และ 4) การปรับเปลี่ยนพื้นที่นาข้าวเป็นเกษตรกรรมทางเลือก นอกจากนี้ ภายในงานยังได้มีการมอบปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ได้แก่ กล้าไม้ผล พันธุ์หม่อน พันธุ์ปลา พันธุ์หญ้าเนเปียร์ปากช่อง เมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสดบำรุงดิน (เมล็ดปอเทือง) และกระบือด้วย

"เกษตรกรต้องมีความสมัครใจในการเข้าร่วมโครงการ ในขณะเดียวกัน ภาครัฐต้องมีปัจจัยในการสนับสนุน อาทิ พันธุ์ปลา โค-กระบือ เป็นต้น ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดเตรียมเสนอของบประมาณดำเนินการและกำลังจัดทำแผนระยะยาวต่อไป โดยหวังว่าจะเป็นการยกระดับให้แก่เกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง" พลเอก ฉัตรชัย กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๗ ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๑๗:๕๓ NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๑๗:๐๕ แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๑๗:๓๒ แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๑๗:๒๕ RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๑๗:๔๘ ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๑๗:๐๕ เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๑๗:๐๖ ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๑๗:๔๙ ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud
๑๗:๐๐ เปิดรับสมัครแล้ว HaadThip Fan Run 2024 แฟนรัน ฟันแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์ หาดสมิหลา จ.สงขลา