นายสุรสีห์ กล่าวต่อว่า จากการปฏิบัติการฝนหลวงยับยั้งหมอกควันในวันที่ 27 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา กรมฝนหลวงและการบินเกษตร มีการขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ประสบปัญหา โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือจังหวัดพิษณุโลก ปฏิบัติการฝนหลวงยับยั้งหมอกควันในพื้นที่จังหวัดตาก จังหวัดลำพูน และจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ ปฏิบัติการในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนภูมิพล โดยใช้อากาศยานชนิด CASAจำนวน 2 ลำ ซึ่งผลจากการปฏิบัติการพบว่า สามารถยับยั้งปัญหา หมอกควันในพื้นที่ 3 จังหวัด รวมพื้นที่เป้าหมายในภาคเหนือได้ คือ พื้นที่ประสบปัญหาในจังหวัดเชียงราย ลำปาง และแม่ฮ่องสอน โดยมีค่ามาตรฐานฝุ่นละอองในอากาศ หรือ PM10 ในวันที่ 28 มีนาคม 2560 อยู่ที่ 21 – 133 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร มีคุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งลดลงจากระดับที่มีผลต่อสุขภาพประชาชนเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2560 มีค่า PM10 อยู่ที่ 101 – 200ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร อย่างไรก็ตาม ยังคงมีบางพื้นที่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ยังประสบปัญหาหมอกควันอยู่ โดยมีค่าPM10 อยู่ที่ 133 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งกรมฝนหลวงและการบินเกษตรจะเร่งดำเนินการช่วยบรรเทาต่อไป
นายสุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับในด้านการปฏิบัติการสลายลูกเห็บ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือ และช่วยแจ้งเตือนสถานการณ์ที่จะเกิดลูกเห็บในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีการติดตามสภาพอากาศจาก เรดาห์ตรวจอากาศและแจ้งข่าวสารผ่านอาสาสมัครฝนหลวงในพื้นที่ให้กับประชาชนด้วย ทั้งนี้ จากการปฏิบัติการฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม - 27 มีนาคม 2560 มีการขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 22 วัน จำนวน 382 เที่ยวบิน (569:25 ชั่วโมงบิน) ปริมาณการใช้สารฝนหลวง 317.40 ตัน พลุซิลเวอร์ไอโอไดด์ จำนวน 389 นัด จังหวัดที่มีรายงานฝนตกรวม 42 จังหวัด และมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างสะสมรวม 61.20 ล้าน ลบ.ม. ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่องได้ที่ เพจ Facebookกรมฝนหลวงและการบินเกษตร หรือ เว็บไซต์กรมฝนหลวงและการบินเกษตรwww.royalrain.go.th