นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลาก และน้ำเอ่อล้นตลิ่ง โดยตั้งแต่วันที่ 16 – 23 พฤษภาคม 2560 มีพื้นที่เกิดสถานการณ์อุทกภัยใน 14 จังหวัด รวม 51 อำเภอ 175 ตำบล 988 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 21,059 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 5 ราย ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 12 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์น้ำไหลหลากใน 2 จังหวัด 11 อำเภอ 64 ตำบล 479 หมู่บ้าน ได้แก่ สุโขทัย น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีสำโรง อำเภอเมืองสุโขทัย อำเภอคีรีมาศ อำเภอศรีนคร อำเภอสวรรคโลก อำเภอทุ่งเสลี่ยม อำเภอบ้านด่านลานหอย และอำเภอกงไกรลาศ รวม 56 ตำบล 405 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 20 หลัง ผู้เสียชีวิต 3 ราย ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 17,119 ครัวเรือน 39,654 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 17,655 ไร่ พิจิตร น้ำจากอำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชรไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามง่าม อำเภอโพทะเล และอำเภอบึงนาราง รวม 8 ตำบล 29 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 433 ครัวเรือน 1,299 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 8,388 ไร่ บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 6 หลัง ปัจจุบันยังมีน้ำท่วมขังในบางพื้นที่ และระดับน้ำเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์อุทกภัยโดยรวมคลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างการฟื้นฟู ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับหน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยในช่วงวันที่ 24 – 28 พฤษภาคม 2560 ประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยในระยะแรกจะเริ่มในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและด้านตะวันออกของภาคเหนือ จากนั้นภาคกลางภาคตะวันออก รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะได้รับผลกระทบในวันถัดไป ปภ.จึงได้ประสานจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก
โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์และชุดเคลื่อนที่เร็วให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ระมัดระวังอันตราย
จากภาวะฝนตกสะสม โดยติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
หากได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป