เปิดใจสองสาวดาวรุ่งนักแข่งสนามความเร็วสู้สุดใจ ฝันให้ไกลไปให้ถึงระดับสากล

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักคุณหมอคนสวย 'หมอกิ๊ฟ' ณัฐญกานต์ รุ่งเพ็ชรารัตน์ วัย 27 ปี ผู้ที่ชื่นชอบกีฬามอเตอร์สปอร์ตเป็นชีวิตจิตใจ ปัจจุบันเธอเป็นแพทย์หญิงด้านอายุรแพทย์ ดูแลคลินิกของครอบครัว เคยมีผลงานเป็น "แชมป์ Drag Lady" มาแล้ว เธอเล่าว่าแรงบันดาลใจในการแข่งรถเริ่มมาจากการที่เธอชอบดูการแข่งรถดริฟท์ และอยากจะขับแบบนั้นให้ได้ จึงได้เริ่มเข้าวงการนักแข่งจากการแข่ง Drag ด้วยรถของเธอเอง โดยมีเพื่อนๆ คอยสอนและสนับสนุน จากนั้นก็พัฒนาฝีมือพร้อมเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาเรื่อยๆจนเป็นนักแข่งรถในปัจจุบัน สำหรับรายการ Thailand Super Series 2017 นี้เธอลงแข่งประเภท Thailand Super Eco เป็นปีแรก ซึ่งมีรถลงแข่งกว่า 20 คัน และเธอก็ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง เมื่อสามารถขึ้นไปยืนรับรางวัลในอันดับที่ 4 มาครองได้ หมอกิ๊ฟเผยว่า "ต้องปรับตัวเยอะมากเพราะขับหลัง (รถที่ขับเคลื่อนล้อหลัง) เทอร์โบมาตลอด จากเครื่อง 2,500 ซีซี เทอร์โบ มาเป็นรถ Eco กับเครื่อง 1,200ซีซี NA(รถไม่มีเทอร์โบ) จึงมีอุปสรรคกับการปรับตัวเองเยอะมาก ความคุ้นเคยน้อย และระยะเวลาในการทำรู้จักรถก็น้อยเช่นกัน ในการเตรียมตัวก่อนแข่ง เตรียมรถ ได้ดูคลิปเก่าๆ เยอะเหมือนกัน แต่พอมาเจอของจริง ทั้งแรงกดดัน ทั้งสภาพอากาศที่ขับ 3 รอบไม่เหมือนกัน ก็เลยต้องควบคุมสมาธิมากขึ้นค่ะ" หากถามเธอว่า การแข่งรถมีส่วนช่วยในการขับรถในชีวิตประจำวันได้อย่างไร เธอกลับตอบว่า "ยิ่งแข่งรถ ก็จะยิ่งทำให้การขับบนถนนช้าลง เพราะเรามีสติมากขึ้น ระมัดระวังมากขึ้นค่ะ"

ต่อกันด้วยสาวสวยหน้าหวาน 'แคทลี' ณัฐนิช ลีวัฒนาวรากุล ในวัย 24 ปี จบจากสาขาการตลาด มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ ปัจจุบันช่วยกิจการเกี่ยวกับอะไหล่มอเตอร์ไซค์ของคุณพ่อ (ฉกาจ ลีวัฒนาวรากุล) เธอแข่งรถมาได้ 4 ปีแล้ว ได้แชมป์ รายการ Toyota Vios lady และ ได้แชมป์ Class C ในรุ่นThailand Super Production ของรายการ Thailand Super Series มาแล้ว เธอกล่าวว่าแรงบันดาลใจในการหันมาจับพวงมาลัยแข่งรถ คือเริ่มจากที่คุณพ่อ และน้องชาย (ฉัตรชัย ลีวัฒนาวรากุล) เคยแข่งโกคาร์ทมาก่อน ทำให้เธออยากแข่งบ้าง และได้รับการสนับสนุนจากคุณพ่อให้มาแข่งรถใหญ่ คุณพ่อจะคอยให้กำลังใจ และให้คำแนะนำบ้าง แต่คนที่เทรนด์ในการแข่งรถจริงๆ คือ RMI Racing Team ที่คอยให้คำแนะนำ และเธอสามารถเอามาปรับใช้กับตัวเองได้ถูกจุด พัฒนาการของเธอจึงเพิ่มขึ้น มีผลงานมากขึ้น และได้สปอนเซอร์มากขึ้น แคทลีได้พูดถึงชีวิตของเธอให้ฟังว่า "แคทเป็นผู้หญิงที่เหมือนผู้หญิงทั่วไป เดินห้างฯ ช็อปปิ้ง ทำผม ทำเล็บ แต่โตมากับคุณพ่อที่ชอบพาไปทำกิจกรรม เช่น โยคะ เวคบอร์ด สโนว์บอร์ด เจ็ทสกี ก็เลยเป็นผู้หญิงที่ชอบทำกิจกรรมแบบผู้ชายด้วย แต่การมาแข่งรถจริงๆ ไม่ต้องแข็งแรงมากก็ได้ แต่ต้องอึด" เธอเล่าเรื่องความแตกต่างระหว่างสนามแข่งแบบถาวร กับแบบ สตรีท เซอร์กิตว่า "แคทว่ายากกันคนละแบบ ถ้าเป็นสนามที่บุรีรัมย์ ด้วยความที่สนามมันใหญ่ Area ค่อนข้างกว้าง ทุกคนกล้าไปได้หมด ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเก็บรายละเอียดแต่ละโค้งได้มากกว่ากัน ถ้าเราเก็บทุกโค้งได้มากกว่าคนอื่น เราก็จะทำเวลาได้ดีกว่า แต่สนามบางแสนเป็นสตรีท เซอร์กิต ต้องตั้งใจ มีสติเวลาขับ และสตรีท เซอร์กิตก็ไม่สามารถซ้อมได้ ต้องซ้อมตามตารางก่อนการแข่งอย่างเดียว"

"ประสบการณ์ที่เป็นไฮไลท์ของชีวิต คือแข่งที่พัทยาปี 2015 เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ 2 ตลบ คือมีรถคันข้างหน้าเขาเสียหลัก จังหวะตัดสินใจของแคทที่อยู่ข้างหลังเขาคือจะหลบขวาหรือหลบซ้ายดี รถเขายังหมุนอยู่ แคทจึงตัดสินใจหลบซ้าย รถแคทเลยลงหญ้า แล้วหญ้ามันชื้น รถเลยไหลไปชนกองยาง แล้วมันคงโดนมุมพอดี รถเลยพลิก มันคือเสี้ยววินาทีที่เราต้องตัดสินใจ แต่แคทหลบไม่ถูก จริงๆ ต้องหลบขวามากกว่า เพราะว่ามันเป็นเนินลงมา ถ้ารถเขาหยุด รถเขาก็ต้องไหลลงมา เราดันไปอยู่ท้ายเขาด้วย ควรจะไปอยู่ข้างหน้ามากกว่า แต่ตอนเกิดอุบัติเหตุคุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่ได้ถึงกับให้เลิกแข่ง ตอนนั้นเราไม่ได้เป็นอะไร รถต่างหากที่เป็น เขาก็แค่บอกให้ขับระวังมากกว่านี้หน่อยเท่านั้น"

ส่วนเป้าหมายในการแข่งรถ "แคทอยากไปให้ถึงที่สุดเท่าที่แคทจะไปได้ คือถ้ามีคนสนับสนุน แต่แคทไม่อยากแข่งซ้ำไปซ้ำมา เพราะอยากพัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ เป้าหมายแคทอยากแข่ง TCRInternational อยากไปแข่งเมืองนอก เพราะจะได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เจอคนใหม่ๆ เราจะได้พัฒนาตัวเองขึ้นไปอีก"

ครั้งนี้เธอได้เชิญชวนผู้หญิงที่อยากจะมาแข่งรถด้วยว่า "จริงๆ ผู้หญิงจะชอบกลัว ไม่กล้าบ้าง แต่ก็มาแข่งเถอะ ตอนแคทมาแรกๆ ก็กลัวว่าจะทำได้หรือเปล่า แต่พอมาแข่งพี่ๆทุกคนเขาจะคอยแนะนำอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจะขับไม่ได้ ถ้ามีโอกาสก็ลองมาแข่งเลยค่ะ สนุก และปลอดภัยแน่นอน"