ปภ.รายงานยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ 4 จังหวัด พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยครอบคลุมทุกด้านอย่างต่อเนื่อง

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้จากอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน – 17 ธันวาคม 2560 ทำให้เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 11 จังหวัด ได้แก่ ปัตตานี ยะลา สงขลา พัทลุง ตรัง สตูล ชุมพร นราธิวาส นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และกระบี่ รวม 122 อำเภอ 829 ตำบล 6,162 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 597,631 ครัวเรือน 1,905,079 คน เสียชีวิต 36 รายปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 7 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ สตูล ยะลา นราธิวาส ชุมพร ปัตตานี และตรัง ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 4 จังหวัด รวม 18 อำเภอ 117 ตำบล 1,177 หมู่บ้าน 92,801 ครัวเรือน 283,107 คน ประกอบด้วย ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา 2 จังหวัด ได้แก่ สงขลา ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสทิงพระ อำเภอกระแสสินธุ์ และอำเภอระโนด รวม 6 ตำบล 37 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,511 ครัวเรือน 21,867 คน พัทลุง ยังคงมีน้ำท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพัทลุง อำเภอควนขนุน อำเภอปากพะยูน อำเภอเขาชัยสน และอำเภอบางแก้ว รวม 40 ตำบล 422 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 43,645 ครัวเรือน 130,832 คน ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออก 1 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชะอวด อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอปากพนัง อำเภอหัวไทร อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช รวม 41 ตำบล 563 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 38,284 ครัวเรือน 115,978 คน ลุ่มน้ำตาปี 1 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเคียนซา อำเภอบ้านนาสาร อำเภอบ้านนาเดิม และอำเภอพุนพิน รวม 30 ตำบล 155 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,361 ครัวเรือน 14,430 คน ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง โดยแจกจ่ายถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภค และน้ำดื่ม จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับผู้อพยพ พร้อมระดมทรัพยากรและเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ทั้งรถผลิตน้ำดื่ม รถไฟฟ้าส่องสว่าง รถบรรทุก รถสุขาเคลื่อนที่ เรือท้องแบน และเครื่องสูบน้ำ สนับสนุนการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตลอดจนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติม เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป