"ดีใจที่ได้เรียนต่อ" และบัตรประชาชนใบแรกในชีวิตของ 'เพชรดา จะนุ’ กับเลข 13 หลักพิสูจน์ความเป็นคนไทยแท้

จันทร์ ๐๕ มีนาคม ๒๐๑๘ ๑๓:๔๕
สิ้นสุดการรอคอยการพิสูจน์ความเป็นคนไทยไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับหญิงสาววัย 24 ปี ชาติพันธุ์กะเหรี่ยง จาก อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี 'นางสาวเพชรดา จะนุ' หลังจากเป็นผู้หนึ่งที่มีเลขประจำตัวคือเลข 0 ไม่ใช่เลข 13 หลักตามหน้าบัตรประชาชนเหมือนคนไทยทั่วไป แม้ว่านางสาวเพชรดา จะนุ จะเกิดและเติบโตที่เมืองไทย มีบรรพบุรุษเป็นคนไทย แต่ด้วยการตกหล่นในเรื่องเอกสารบางชิ้น ทำให้เธอกลายเป็นคนขาดสิทธิความเป็นคนไทยมาตั้งแต่เกิด

แต่ด้วยการแนะนำขั้นตอนการพิสูจน์สิทธิ์ความเป็นคนไทยของ 'โครงการเยาวชนส่งเสียงเพื่อสื่อสารสังคมฯ' โดยมี 'นางสาวเนตรดาว ยั่งยุบล' เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบโครงการ และเป็นโครงการที่อยู่ภายใต้การดูแลของ 'สถาบันสื่อเด็กและเยาวชน' หรือ สสย. ภายในเวลาไม่ถึงปี 'นางสาวเพชรดา จะนุ' ก็ได้ครอบครองสิทธิความเป็นคนไทยอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการมีบัตรประจำตัวประชาชนเลข 13 หลัก โดยนางสาวเพชรดา จะนุ ได้กล่าวว่า รู้สึกดีใจจนบรรยายความรู้สึกไม่ถูก

"ได้รู้จักโครงการเยาวชนส่งเสียงเพื่อสื่อสารสังคมฯ ที่มีหัวหน้าโครงการคือ 'พี่เนตรดาว ยั่งยุบล' ค่ะ ตอนนั้นพี่เขาทำประเด็นเกี่ยวกับสิทธิของผู้หญิงที่พึงมี และติดต่อขอสัมภาษณ์แม่ของหนู เลยทำให้หนูได้รู้จักพี่เนตรดาวและโครงการนี้ผ่านทางแม่อีกที จังหวะนั้นพี่เนตรดาวมีงานสัมมนาให้ความรู้ที่ จ.เชียงใหม่ ก็เลยชวนหนูไปร่วมงานด้วย แต่หนูไปไม่ได้เพราะบัตรประจำตัวเป็นเลข 0 ไม่ใช่เลข 13 หลักเหมือนคนไทยทั่วๆ ไป พี่เนตรดาวเลยแนะนำขั้นตอนที่ถูกต้องให้ว่าจะต้องพิสูจน์สิทธิ์อย่างไรบ้าง เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรู้ว่าเราเป็นคนไทยจริงๆ เพราะแม่หนูเป็นคนไทย หนูเกิดและโตที่ประเทศไทย ก็เลยต้องหาหลักฐานต่างๆ มายืนยันและพิสูจน์ให้ได้ตามกระบวนการพิสูจน์ว่าเราเป็นคนไทยจริงๆ สิ่งที่หนูใช้พิสูจน์และยืนยันความเป็นคนไทยก็คือ บัตรประชาชนของคุณตาและของแม่, การตรวจดีเอ็นเอที่ต้องส่งเลือดไปตรวจพิสูจน์ที่กรุงเทพฯ และหมอตำแยที่ทำคลอดเรารวมถึงผู้ใหญ่บ้านเซ็นยืนยันว่าหนูเกิดที่หมู่บ้านตะโกปิดทอง ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี จริงๆ เมื่อเอกสารต่างๆ ครบแล้วเราก็ดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ จนเอกสารมาอยู่ที่ปลัดอำเภอสวนผึ้ง พอเขาตรวจเอกสารครบถ้วนแล้ว ก็ติดต่อให้หนูไปถ่ายบัตรประชาชนที่มีเลข 13 หลัก"

นางสาวเพชรดากล่าวว่า รู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูก เพราะเป็นสิ่งที่รอคอยมาตลอดนับตั้งแต่จำความได้ เพราะการไม่มีบัตรประชาชนเลข 13 หลัก ทำให้เธอและครอบครัวใช้ชีวิตยากลำบาก

"ดีใจจนบอกไม่ถูก เพราะเป็นสิ่งที่หนูรอคอยมาตลอดเวลา อยากเป็นคนไทยที่ถูกต้อง อยากมีบัตรประชาชนเหมือนคนอื่น ก็หาทางพิสูจน์มาตลอดจนถึงวันนี้ที่ได้บัตรประชาชน เมื่อก่อนไม่มีใครให้คำปรึกษาและไม่ได้ปรึกษาใครเลย มันท้อและหมดหวัง เพราะรู้ว่าตัวเองมีหมายเลข 0 ก็รู้แล้วว่าเราไม่มีสิทธิอะไรเลย ก็คิดว่าคงจะใช้ชีวิตอยู่แต่ในหมู่บ้านและแถวๆ นี้ไปตลอดชีวิต เพราะออกไปนอกพื้นที่ไม่ได้ จะไปเรียนต่อก็เลิกคิดไปเลย เพราะเวลาจะออกไปไหนมาไหนก็จะต้องเดินทางไปขออนุญาติที่อำเภอก่อนทุกครั้ง คงไม่มีโอกาสได้เรียนสูงๆ อยู่แล้ว มันก็หมดกำลังใจเพราะคำว่าเลข 0 คือคนที่ไม่มีสิทธิ์อะไรเหมือนคนไทยพึงมี พอมีบัตรประชาชนเลข 13 หลักแล้ว ทำให้ชีวิตหนูดีขึ้นหลายด้านมากๆ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตความเป็นอยู่ การเดินทาง การสมัครงาน แม้เราจะเป็นเชื้อสายชาติพันธุ์กะเหรี่ยง แต่ก็มีสัญชาติไทยนะ การเรียนก็มีโอกาสมากขึ้น อาจารย์ก็จะแนะนำให้ไปสอบทุนต่างๆ เพราะหนูคิดว่าการศึกษามันช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนเรา อย่างหนูเองถ้าเรียนอยู่แต่ในหมู่บ้าน ก็จะได้เห็นแต่โลกแคบๆ แค่ในหมู่บ้าน ไปเรียน กลับมาบ้าน กินข้าว และนอน ไม่ได้ออกไปเห็นสังคมภายนอก ใครให้ทำอะไรเราก็อาจจะทำตามด้วยความไม่รู้ หนูก็เลยอยากให้น้องๆ และคนในหมู่บ้านของหนูได้รับการศึกษากันทุกคน ส่วนหนูชอบเรียนภาษาอังกฤษ และอนาคตอยากเป็นครูสอนภาษา และอยากกลับมาสอนมาให้ความรู้กับคนในชุมชน เพื่อให้พวกเขาได้มีความรู้มากขึ้น"

หวังเป็นอีกหนึ่งพลังของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่จะช่วยให้คนในชุมชนได้รู้เรื่องสิทธิของตนเอง โดยเฉพาะเรื่องของการได้มาซึ่งสิทธิของความเป็นคนไทยอย่างแท้จริง

"โครงการเยาวชนส่งเสียงเพื่อสื่อสารสังคมฯ เป็นโครงการที่ทำให้หนูได้รู้เรื่องสิทธิของตัวเองมากขึ้น เขาแนะนำและจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องสิทธิของตนเอง, สิทธิของความเป็นคนชาติพันธ์ และเรื่องของการใช้สื่ออย่างเท่าทัน หนูก็เลยอยากจะเผยแพร่เรื่องการยื่นเรื่องสิทธิให้กับน้องๆ และคนในชุมชนของหนู เพราะมีหลายคนที่เป็นคนไทยจริงๆ แต่อาจจะตกหล่นในเรื่องของทะเบียนบ้าน หรือขาดการพิสูจน์ต่างๆ ไม่รู้ขั้นตอน โครงการเยาวชนส่งเสียงฯ ทำให้เด็กๆ ในชุมชนมีความกระตือรือร้นที่จะได้รู้สิทธิของตนเองมากขึ้น จากเมื่อก่อนที่ไม่รู้จะเรียนไปทำไม อนาคตก็ไม่ต้องไปคิดฝัน เพราะจบมอ.3 แล้วก็จะต้องทำงานในละแวกใกล้บ้านอยู่ดี หนูก็เลยอยากเป็นอีกหนึ่งพลังที่จะทำสื่อออกมาเผยแพร่เกี่ยวกับเรื่องสิทธิของตนเอง เพื่อให้น้องๆ รุ่นหลังและคนในชุมชนของหนูเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น ตอนนี้หนูและเพื่อนๆ ที่มีแนวคิดเดียวกันก็รวมตัวกันได้ประมาณ 7-8 คนแล้วค่ะ ก็คิดว่าน่าจะทำประโยชน์ให้กับหมู่บ้านของเราได้มากขึ้นค่ะ"

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง