เมอร์ค เดินหน้าสนับสนุนการผลิตวัคซีนราคาไม่แพง หวังให้ทั่วโลกเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

อังคาร ๑๗ เมษายน ๒๐๑๘ ๐๗:๑๘
- ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดพัฒนากระบวนการผลิตวัคซีนที่ใช้ต้นทุนไม่สูง ช่วยให้ผลิตวัคซีนได้มากขึ้น

- วางแผนสร้างโรงงานผลิตวัคซีนแห่งใหม่ในประเทศกานา เพื่อช่วยให้ทวีปแอฟริกาสามารถรับมือกับความท้าทายด้านสุขภาพได้ดีขึ้น

เมอร์ค ( Merck ) บริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นนำ ประกาศสร้างความร่วมมือกับสถาบันเจนเนอร์ ( Jenner Institute ) แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เพื่อพัฒนากระบวนการผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และยังมีแผนสร้างโรงงานผลิตวัคซีนในประเทศกานา ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการยกระดับสาธารณสุขทั่วโลก ด้วยการทำให้วัคซีนมีราคาถูกลงและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

อูดิท บาทรา สมาชิกคณะกรรมการบริหารของเมอร์ค และซีอีโอกลุ่มธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ กล่าวว่า "การสร้างความร่วมมือกับสถาบันเจนเนอร์จะช่วยให้ทั่วโลกเข้าถึงวัคซีนราคาไม่แพง และช่วยยกระดับการรับมือกับการระบาดของโรคด้วย เมอร์คมุ่งยกระดับการเข้าถึงยารักษาโรคที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลาง เราได้จับมือกับพันธมิตรหลายรายเพื่อพัฒนากระบวนการผลิตวัคซีนในปัจจุบัน และช่วยแก้ปัญหาที่ยากที่สุดในอนาคต"

เมอร์คและสถาบันเจนเนอร์จะช่วยกันยกระดับกระบวนการผลิตวัคซีนอะดีโนไวรัส (วัคซีนที่มีอะดีโนไวรัสเป็นพาหะ) โดยใช้ผลิตภัณฑ์ ระบบ และเทคโนโลยี feed stream ของเมอร์ค โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนากระบวนการผลิตที่ใช้ต้นทุนไม่สูงและสามารถถ่ายทอดเทคโนโลยีได้ ซึ่งจะช่วยให้การพัฒนาและผลิตวัคซีนทั่วโลกมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น

เอเดรียน ฮิลล์ ผู้อำนวยการสถาบันเจนเนอร์แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด กล่าวว่า "เมอร์คเป็นพันธมิตรชั้นยอดที่ช่วยเพิ่มศักยภาพของเราในการพัฒนาวัคซีนอะดีโนไวรัส เราเชื่อว่ากระบวนการผลิตที่พัฒนาขึ้นใหม่จะมีผลิตภาพและความบริสุทธิ์เทียบเท่าหรือสูงกว่ากระบวนการผลิตที่ใช้อยู่เดิม"

ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันพัฒนากระบวนการผลิตแบบปิดในห้องปลอดเชื้อเพื่อให้มีการปนเปื้อนน้อยที่สุด ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดความปลอดภัยทางชีวภาพขั้นสูงสำหรับการผลิตวัคซีนจากไวรัส

คุณฮิลล์กล่าวเสริมว่า "ความก้าวหน้าในครั้งนี้จะช่วยยกระดับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาฉีดเกรดคลินิก เพื่อใช้ในการทดสอบทางคลินิกและการวิจัยต่างๆ"

เมอร์คเตรียมสร้างโรงงานผลิตวัคซีนในกานา

ขณะเดียวกัน เมอร์คกำลังวางแผนสร้างโรงงานผลิตวัคซีนในประเทศกานา เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาสุขภาพในทวีปแอฟริกา ซึ่งต้องนำเข้าวัคซีนมากถึง 99% จากทั้งหมดที่จำเป็นต้องใช้ โดยเมอร์คได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับบริษัท ริดจ์ แมเนจเมนท์ โซลูชั่นส์ ( Ridge Management Solutions ) เพื่อผลักดันให้กานาเป็นประเทศแรกในภูมิภาคแอฟริกาใต้สะฮาราที่มีโรงงานผลิตวัคซีนสำหรับมนุษย์โดยเฉพาะ

คุณบาทรากล่าวเสริมว่า "เราต้องการสนับสนุนประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ด้วยการแบ่งปันความเชี่ยวชาญของเรา เพื่อช่วยปรับปรุงกระบวนการผลิตของประเทศเหล่านี้ พร้อมกับสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการสร้างโรงงานผลิตภายในประเทศ"

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างความร่วมมือระหว่างเมอร์คกับพันธมิตรในแวดวงวัคซีนเพื่อแก้ปัญหาที่ท้าทายที่สุดในการผลิตวัคซีน สามารถดูได้ที่ www.merckmillipore.com/vaccines

เกี่ยวกับสถาบันเจนเนอร์

สถาบันเจนเนอร์ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2548 เพื่อพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคที่มีการระบาดทั่วโลก ทั้งโรคในคนและสัตว์ พร้อมกับทำการทดสอบวัคซีนใหม่ในสปีชีส์ต่างๆ ทางสถาบันมุ่งเน้นงานวิจัยที่สามารถนำไปต่อยอดได้ โดยเฉพาะการพัฒนาระยะเริ่มต้นและการประเมินผลวัคซีนใหม่ๆ ในการทดลองทางคลินิก

ทางสถาบันมี นักวิจัยหลัก กว่า 30 คน เป็นผู้นำทีมนักวิจัยในโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนสำหรับคนและสัตว์หลายต่อหลายโครงการ โดยสถาบันเจนเนอร์ดำเนินกิจกรรมการวิจัยและพัฒนาวัคซีนมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ในบรรดาองค์กรไม่แสวงผลกำไรทั้งหมด

นักวิจัยของสถาบันเจนเนอร์กำลังพัฒนาวัคซีนใหม่ๆ สำหรับป้องกันโรคติดเชื้อทั่วโลก โดยได้รับความอนุเคราะห์จากผู้สนับสนุนหลายราย ปัจจุบัน วัคซีนตัวใหม่สำหรับป้องกันมาลาเรีย วัณโรค และเอชไอวี กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบภาคสนามในประเทศกำลังพัฒนา นอกจากนั้นยังมีการวิจัยวัคซีนป้องกันโรคปากเท้าเปื่อยในสัตว์ โรคไข้หวัดนก วัณโรคในโค และโรคอื่นๆที่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ

สถาบันเจนเนอร์เกิดจากความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ( University of Oxford ) กับสถาบันเพอร์ไบรท์ ( The Pirbright Institute ) โดยรับช่วงต่อจากสถาบันวิจัยวัคซีนเอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ทั้งนี้ สถาบันเจนเนอร์ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิวัคซีนเจนเนอร์ ( Jenner Vaccine Foundation ) ซึ่งจดทะเบียนในสหราชอาณาจักร และมีคณะกรรมการที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ของสถาบันเจนเนอร์ ( Jenner Institute Scientific Advisory Board ) เป็นที่ปรึกษา

เกี่ยวกับ ริดจ์ แมเนจเมนท์ โซลูชั่นส์

ในปีหน้า มีโอกาส 5% ที่พายุเฮอร์ริเคนจะทำให้บริษัทประกันสูญเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ และในอีก 12 เดือนข้างหน้า มีโอกาส 1% ที่แผ่นดินไหวจะทำให้บริษัทประกันสูญเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ดังนั้น ริดจ์ แมเนจเมนท์ โซลูชั่นส์ หรือ RMS จึงมีหน้าที่สร้างแบบจำลองเพื่อช่วยให้บริษัทประกันและนักลงทุนเข้าใจถึงความเสี่ยงของมหันตภัยต่างๆ ทั้งภัยธรรมชาติ (พายุเฮอร์ริเคน แผ่นดินไหว น้ำท่วม) การก่อการร้าย โรคระบาด รวมถึงอายุขัยของมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงไป

เราเป็นบริษัทรูปแบบใหม่ที่คุณอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน เรามีลูกค้าหลายร้อยรายในแวดวงประกัน การธนาคาร และเฮดจ์ฟันด์ เราคือผู้นำ ผู้บุกเบิก และผลงานของเราได้สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในระดับโลก เราทำให้ทั่วโลกเข้าใจมหันตภัยต่างๆมากขึ้น เพื่อให้สามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ความสามารถในการทำความเข้าใจและจัดการความเสี่ยงของเรามีผลต่อทุกคน

เรายกระดับวิสัยทัศน์ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นคลาวด์แห่งอนาคตอย่าง "RMS(one)" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริหารความเสี่ยงทั่วโลกอันทันสมัย RMS(one) จะนำเสนอภาพรวมทั้งหมดขององค์กรผ่านแพลตฟอร์มเดียว โดยใช้ได้กับทุกโมเดลธุรกิจ ทุกมุมมอง และทุกข้อมูล

ทั้งนี้ RMS มีพนักงาน 1,200 คน ใน 11 ประเทศ โดยมีสำนักงานในเมืองนวร์ก (รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา), เมืองโนอิดา (อินเดีย), กรุงลอนดอน (สหราชอาณาจักร), เมืองโฮโบเคน (รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา) และเมืองซูริก (สวิตเซอร์แลนด์)

ข่าวประชาสัมพันธ์ทั้งหมดของเมอร์คได้รับการเผยแพร่ผ่านทางอีเมลในเวลาเดียวกับที่มีการเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของเมอร์ค กรุณาเข้าไปที่ http://www.merckgroup.com/subscribe เพื่อลงทะเบียนออนไลน์ เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกบริการนี้

เกี่ยวกับเมอร์ค

เมอร์ค คือบริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นนำในด้านการดูแลสุขภาพ ชีววิทยาศาสตร์ และเพอร์ฟอร์แม้นซ์ แมททิเรียล พนักงานราว 52,000 คนของบริษัทได้ร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยปรับปรุงและยกระดับคุณภาพชีวิต ตั้งแต่ชีวเภสัชภัณฑ์เพื่อรักษาโรคมะเร็งหรือโรคปลอกประสาทอักเสบ ระบบที่ทันสมัยสำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการผลิต ไปจนถึง liquid crystal ที่ใช้กับสมาร์ทโฟนและโทรทัศน์ LCD ทั้งนี้ ในปี 2560 เมอร์คทำยอดขายได้ 1.53 หมื่นล้านยูโร ใน 66 ประเทศ

เมอร์ค เป็นบริษัทเภสัชภัณฑ์และเคมีที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2211 และปัจจุบันครอบครัวผู้ก่อตั้งยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมอร์คครอบครองสิทธิ์ในชื่อและแบรนด์ "เมอร์ค" ทั่วโลก ยกเว้นในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ซึ่งบริษัทดำเนินธุรกิจในชื่อ อีเอ็มดี โซโรโน่, มิลลิพอร์ซิกม่า และอีเอ็มดี เพอร์ฟอร์แม้นซ์ แมททิเรียล

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/664984/Vaccines.jpg

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๗ ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๑๗:๕๓ NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๑๗:๐๕ แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๑๗:๓๒ แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๑๗:๒๕ RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๑๗:๔๘ ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๑๗:๐๕ เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๑๗:๐๖ ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๑๗:๔๙ ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud
๑๗:๐๐ เปิดรับสมัครแล้ว HaadThip Fan Run 2024 แฟนรัน ฟันแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์ หาดสมิหลา จ.สงขลา