มร.อาซิม อิฟติคาร์ อาห์หมัด เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทย กล่าวว่า ปากีสถานและไทย มีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันมาเป็นเวลาช้านาน โดยในปี 2560 ปากีสถานเป็นคู่ค้าอันดับที่ 29 ของไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีมูลค่าการค้ารวมระหว่างกันกว่า 1,550 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นการส่งออกของไทยที่มูลค่า 1,403.3 ล้านเหรียญสหรัฐ และการนำเข้าจากปากีสถานมูลค่า 146.7 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าสำคัญที่ไทยนำเข้าจากปากีสถาน เช่น เส้นด้าย เส้นใย สัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี ขณะที่ตัวเลขการค้าในปี 2561 ระหว่างเดือนมกราคม – พฤษภาคม2561 พบว่ามีมูลค่าระหว่างกันกว่า 755.2 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นการนำเข้าสินค้าจากปากีสถานที่มูลค่า 125.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 101.05%เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และการส่งออกสินค้าไทยที่มูลค่า 629.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.40% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
"การจัดงาน Pakistan: Single Country Exhibition ในครั้งนี้ซึ่งเป็นการจัดงานในครั้งแรก ของประเทศไทย ถือว่าได้รับการตอบที่ดีจากคนไทยเกินความคาดหมาย มีผู้ประกอบการไทยร่วมสัมมนาเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และเจรจาจับคู่การค้าเพื่อมองหาโอกาสทางธุรกิจในปากีสถานอย่างเนืองแน่นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับการค้าการลงทุนของทั้งสองประเทศเพราะนอกจากผู้ประกอบการไทยจะได้พบกับผู้ผลิตสินค้าโดยตรงจากปากีสถานแล้ว ยังได้มุมมอง และโอกาสในการลงทุนในประเทศปากีสถานในทุกมิติจาก กูรู และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากทั้งไทย และปากีสถานอีกด้วย นำมาสู่การเพิ่มดุลการค้า และพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ" มร.อาซิมกล่าว
รัฐบาลสาธารณรัฐอิสลาม ปากีสถาน ได้จัดงานแสดงสินค้า "Pakistan: Single Country Exhibition" มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทย และปากีสถาน โดยงานนี้เป็นหนึ่งในโครงการ Emerging Pakistan ที่สนับสนุนการค้าการลงทุน การท่องเที่ยวของสาธารณรัฐสลาม ปากีสถาน ไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ภายในงานประกอบด้วยผู้ประกอบการชั้นนำจากสาธารณรัฐอิสลาม ปากีสถาน จำนวนกว่า 100 บูธ นำสินค้า พรีเมียมของสาธารณรัฐอิสลาม ปากีสถาน มาจัดแสดง อาทิ อาหารทะเล, สิ่งทอ, เครื่องหนัง, เครื่องประดับ, หินอ่อน, อุปกรณ์การแพทย์, เฟอร์นิเจอร์, อาหาร, งานฝีมือ และอื่น ๆ อีกมากมายและมีการเดินแฟชั่นโชว์ ซึ่งไดรับความสนใจเป็นพิเศษจากผู้เข้าชมงาน