รวมถึงอีกหลากหลายประเทศทั่วโลก ที่มีผลการวิจัยเชิงประจักษ์ออกมามากมาย โดยกระทรวงสาธารณสุขในแต่ละประเทศ มองเห็นเป้าหมายถึงการยุติ หรือ ลดโรคจากการสูบบุหรี่ หรือ พิษภัยจากควันบุหรี่มือสอง
ฟิลลิป มอร์ริส ( ไทยแลนด์ ) ลิมิเต็ด เผยผลวิจัยจากการทดลองทางคลินิกของฟิลลิป มอริส อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ ( พีเอ็มไอ ) ที่ใช้ชื่อว่า The Exposure Response Study (ERS)
โดยเป็นการศึกษาการตอบสนองทางชีวภาพของผู้ที่เปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบไร้ควัน เป็นเวลา 6 เดือน เทียบกับกลุ่มผู้สูบบุหรี่แบบเดิมอย่างต่อเนื่อง โดยงานวิจัยดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่าในกลุ่มผู้ที่เปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบไร้ควันมีตัวชี้วัดทางชีวภาพทีสำคัญ 5 ใน 8 ตัวที่มีการพัฒนาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
medhubnews.com เว็บไซต์สุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยว วาไรตี้ และ เพจ sasook รายงานว่า โปรแกรมการประเมินทางวิทยาศาสตร์ของพีเอ็มไอ ( PMI's Scientific Assessment Program ) ได้ทำการทดสอบผลิตภัณฑ์ไร้ควันอย่างจริงจังมาเป็นเวลานานกว่า 7 ปี
การวัดสารประกอบทางเคมีและทางกายภาพของไอละอองหรือแอโรซอล (Aerosol) ที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ไร้ควันพบว่ามีสารอันตรายน้อยกว่าควันที่เกิดจากการเผาไหม้ของบุหรี่ถึง 90-95% โดยเฉลี่ย
ซึ่งการลดลงของสารประกอบที่เป็นอันตรายนั้นยังหมายถึงความเป็นพิษของไอละอองที่ลดลงเมื่อดูจากผลการทดสอบในห้องทดลอง รวมทั้งลดการสัมผัสกับสารประกอบอันตรายในผู้ใช้จากผลการทดลองทางคลินิก
ศาสตราจารย์ Manuel Peitsch หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านวิทยาศาสตร์ของ PMI นำเสนอผลการวิจัยล่าสุดระหว่างการประชุมสื่อมวลชนที่ Lotte Hotel Seoul เมือง Myeongdong เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
นายแฟรงค์ ลูดิกค์ ผู้บริหารระดับสูงด้านการแพทย์ของพีเอ็มไอ กล่าวว่า "ผลการศึกษาชิ้นนี้เป็นที่น่าประทับใจมาก และถือเป็นการศึกษาทางคลินิกครั้งแรกที่ศึกษาศักยภาพของผลิตภัณฑ์ไร้ควันโดยตรงกับผู้ที่เปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์จริง ผลการวิจัยครั้งก่อนๆ รวมถึงครั้งล่าสุดนี้ บ่งชี้ไปในทิศทางของการลดความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง"
นายเจอรัลด์ มาร์โกลีส กรรมการผู้จัดการใหญ่ ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการศึกษาของพีเอ็มไอบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า ผลิตภัณฑ์ยาสูบไร้ควันมีศักยภาพที่อาจจะลดความเสี่ยงให้กับผู้ที่เปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ได้
ซึ่งนอกเหนือจากงานวิจัยของพีเอ็มไอเองแล้ว ยังมีงานศึกษาที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยาสูบไร้ควันจาก 24 องค์กรอิสระอื่นๆ และแนวโน้มการทำวิจัยในเรื่องนี้มีมากขึ้นในอนาคต
"เราเชื่อว่าการเลิกบุหรี่คือวิธีที่ดีที่สุดสำหรับผู้สูบบุหรี่ที่กังวลเรื่องสุขภาพ แต่ยังคงมีผู้สูบบุหรี่กว่า 10 ล้านคนในประเทศไทยที่มองหาผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่มีอันตรายน้อยกว่า
ผู้บริโภคกลุ่มนี้ควรได้รับข้อมูลที่ถูกต้องที่อยู่บนหลักพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเราพร้อมนำเสนอผลการศึกษาของเราให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสังคมได้รับทราบ และยินดีให้หน่วยงานต่างๆ ที่สนใจเข้ามาตรวจสอบผลการวิจัยของเราได้" นายเจอรัลด์ กล่าว