เกษตรอินทรีย์ช่วยบรรเทาความยากจนในมณฑลชานซี

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การพัฒนาเกษตรอินทรีย์มีความสำคัญต่อการพัฒนาเกษตรกรรมในมณฑลชานซีอย่างมีคุณภาพสูง ซึ่งรวมถึงเกษตรอินทรีย์แบบแห้ง (organic dry farming) ทั้งนี้ โมเดลเกษตรอินทรีย์ของหมู่บ้านเฉอเหอในอำเภอหลิงฉิว เมืองต้าถง เป็นผลพวงมาจากการวางแผนล่วงหน้า การสนับสนุนเชิงอุตสาหกรรม การดำเนินการทางตลาด และการมีส่วนร่วมทางสังคม

หมู่บ้านเฉอเหอมีพื้นที่ทั้งหมด 27 ตารางกิโลเมตร โดยเป็นพื้นที่เพาะปลูก 1,213 หมู่ (ราว 0.81 ตารางกิโลเมตร) รายได้หลักของชาวบ้านมาจากเกษตรกรรม ในหมู่บ้านมีชาวบ้านยากจน 32 ครัวเรือน รวม 77 คน จากทั้งหมด 182 คน

อำเภอหลิงฉิวได้ดำเนินการสร้างนิคมเกษตรอินทรีย์มาตั้งแต่ปี 2556 โดยอาศัยจุดแข็งด้านทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงโครงการนำร่องด้านการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ครบวงจรของหมู่บ้านเฉอเหอ

กลยุทธ์การพัฒนาแบบ "เกษตรอินทรีย์ + การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ + การฟื้นฟูหมู่บ้าน" ได้ดึงดูดบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ในอำเภอให้เข้ามาลงทุนด้านเกษตรอินทรีย์ พร้อมกับตั้งบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการจัดการเกษตรอินทรีย์ ตลอดจนลงมือทำเกษตรอินทรีย์ เพาะพันธุ์ และดำเนินโครงการพลิกโฉมเกษตรกรรมอื่นๆ

การพลิกฟื้นพื้นที่เพาะปลูกมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาหมู่บ้านเฉอเหอ โดยนำรายได้มาสู่ชาวบ้านทั้งจากการทำเกษตร การท่องเที่ยว การใช้แรงงาน และการปันผลจากบริษัท

จนถึงขณะนี้ การพลิกฟื้นพื้นที่เพาะปลูก 1,213 หมู่ในหมู่บ้านเฉอเหอได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยพื้นที่ 200 หมู่ (ราว 0.13 ตารางกิโลเมตร) ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ส่วนอีก 500 หมู่ (ราว 0.33 ตารางกิโลเมตร) ได้รับการปรับปรุง และอีก 700 หมู่ (ราว 0.47 ตารางกิโลเมตร) ได้รับการพัฒนาสำหรับทำเกษตรอินทรีย์ ซึ่งรวมถึงการปลูกธัญพืช ผัก และอื่นๆ

จาง เฉียง นายอำเภอหลิงฉิว และรองประธานคณะกรรมาธิการสภาประชาชนประจำเมืองต้าถง กล่าวว่า การประชุมนานาชาติด้านเกษตรอินทรีย์ของหมู่บ้านเฉอเหอเป็นเวทีสื่อสารสำหรับผู้ประกอบการด้านเกษตรอินทรีย์ โดยไม่เพียงรวบรวมองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการเท่านั้น แต่ยังช่วยดึงดูดการลงทุน รวมถึงพลิกฟื้นพื้นที่ภูเขาอันแร้นแค้นด้วยแนวคิดที่สร้างสรรค์และรูปแบบเชิงอุตสาหกรรม

สามารถดูข่าวต้นฉบับได้ที่ https://en.imsilkroad.com/p/308331.html