๔. จัดให้มีแอลกอฮอล์เจลบริเวณจุดทางเข้างาน ตลอดจนตามจุดต่างๆ รอบบริเวณงาน และสำรองหน้ากากอนามัยไว้ให้บริการ ๕. ให้ผู้เข้าร่วมงาน และพนักงานทุกคน สวมใส่หน้ากากอนามัย ๖. ให้เว้นระยะห่างการนั่งหรือยืน ไม่น้อยกว่า ๑ เมตร ๗. หากมีการบริการอาหาร เครื่องดื่ม ควรจัดพื้นที่สำหรับรับประทานอาหารให้มีระยะห่าง และต้องจัดอุปกรณ์สำหรับรับประทานอาหารแยกเป็นรายบุคคลอย่างชัดเจน หรือจัดเป็นอาหารกล่องแจกจ่ายให้กับผู้ร่วมงาน ๘. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ๙. ทำความสะอาดอุปกรณ์ และพื้นที่ในบริเวณการจัดงาน ที่ผู้เข้าร่วมงานต้องสัมผัสบ่อยๆ หรือใช้ร่วมกันเป็นจำนวนมาก รวมทั้งพื้นที่โดยรอบการจัดงาน เช่น ราวบันได ลูกบิดประตู ลิฟต์ ห้องน้ำ ๑๐.งดการแสดง ดนตรี มหรสพ หรือเต้นรำทุกชนิด ๑๑.ควรใช้ระยะเวลาในการจัดงานให้สั้นที่สุด ๑๒. ควรทำความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์เจล หรือล้างน้ำและสบู่ทันที หลังออกจากงาน และ๑๓. กรณีที่ทราบภายหลังว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ในงาน ให้รีบแจ้งและจัดส่งรายชื่อผู้เข้าร่วมงานทั้งหมดต่อกระทรวงสาธารณสุขในทันที
นายอิทธิพล กล่าวว่า นอกจากนี้วธ. ยังได้จัดทำข้อแนะนำที่ควรปฏิบัติเฉพาะการจัดงานบรรพชาอุปสมบท งานมงคลสมรสและงานฌาปนกิจศพ เพิ่มเติมจากข้อปฏิบัติทั่วไป โดยมีเนื้อหาประกอบด้วย งานบรรพชาอุปสมบท ให้งดการแห่นาคจากบ้านไปวัด โดยการแห่นาครอบโบสถ์ ให้ตั้งแถวตอนลึก เว้นระยะห่างกันระหว่างบุคคลอย่างน้อย ๑ เมตร และขอความร่วมมืองดโปรยเหรียญหว่านทาน รวมทั้งพิธีอุปสมบทในโบสถ์ควรจำกัดจำนวนคนเพื่อป้องกันความแออัด สำหรับงานมงคลสมรส ให้มีพิธีแห่ขันหมากเฉพาะเท่าที่จำเป็น เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลไม่น้อยกว่า ๑ เมตร การรดน้ำสังข์ควรจัดแถวเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ไม่น้อยกว่า ๑ เมตร และกำหนดคนเข้ารดน้ำสังข์เท่าที่จำเป็น เช่น บิดามารดา ญาติผู้ใหญ่ หรือแขกผู้ใหญ่เท่านั้น
นอกจากนี้ ในส่วนของการจัดงานฌาปนกิจศพ ให้จัดอาสนะสงฆ์ มีระยะห่างระหว่างกันไม่น้อยกว่า ๑ เมตร จัดเก้าอี้นั่งสำหรับแขกที่มาร่วมฟังสวดอภิธรรม หรือร่วมฌาปนกิจศพ ให้มีระยะห่างไม่น้อยกว่า ๑ เมตร พิธีแห่ศพเวียนเมรุให้ตั้งแถวตอนลึกเว้นระยะห่างกันระหว่างบุคคลอย่างน้อย ๑ เมตร รวมทั้งการขึ้นวางดอกไม้จันทน์ให้จัดแถวระยะห่างระหว่างกัน ไม่น้อยกว่า ๑ เมตร กรณีผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID- 19)ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข สำหรับกรณีศาสนาอิสลามให้ปฏิบัติตามประกาศของสำนักจุฬาราชมนตรี ทั้งนี้ การจัดงานทุกงานต้องอยู่ภายใต้กฎหมายพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ พร้อมทั้งมาตรการที่รัฐบาลกำหนด และประกาศ หรือคำสั่งที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกำหนด