เปิดไอเดียผู้หญิงเก่ง “ครูเบล” กับประสบการณ์เรียนในสิงคโปร์กว่า 7 ปี มีผลการเรียนเป็นอันดับ 1 ของชั้น ติดต่อกัน 3 ปีซ้อน

จันทร์ ๒๒ มิถุนายน ๒๐๒๐ ๑๕:๒๘
เผยเคล็ดลับความสำเร็จต้องสร้างเป้าหมาย พร้อมแนะผู้ปกครองยุค New normal
เปิดไอเดียผู้หญิงเก่ง ครูเบล กับประสบการณ์เรียนในสิงคโปร์กว่า 7 ปี มีผลการเรียนเป็นอันดับ 1 ของชั้น ติดต่อกัน 3 ปีซ้อน

ระบบการศึกษาของประเทศสิงคโปร์ถือได้ว่าอยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลก แต่การที่เด็กไทยจะสอบเข้าโรงเรียนของรัฐบาลสิงคโปร์ได้นั้นเป็นเรื่องยากพอสมควร เพราะด่านแรกที่เด็กจะต้องผ่านก็คือ การสอบ AEIS (Admissions Exercise for International Students) ซึ่งเป็นข้อสอบสำหรับเด็กต่างชาติที่ไม่ใช่คนสิงคโปร์ นับเป็นประตูสำคัญในการไปหาประสบการณ์การศึกษาที่ประเทศสิงคโปร์ อย่างไรก็ตามหากย้อนไปดูประวัติเด็กไทยที่เคยไปเรียนที่ประเทศสิงคโปร์ตั้งแต่อายุ 11 ปี โดยเริ่มเข้าเรียนตั้งแต่ ป.4 และจบ sec 4 ( O-Level) โดยในระดับการศึกษา Sec 1 – 3 มีผลการเรียนเป็นอันดับ 1 ของชั้นติดต่อกัน 3 ปีซ้อน เธอคือคุณศุภนุช ชือรัตนกุล หรือที่เด็กๆ หลายคนเรียกเธอว่า “ครูเบล”

คุณศุภนุช ชือรัตนกุล (ครูเบล) เล่าย้อนให้ฟังถึงประวัติสมัยเริ่มไปสอบเข้าโรงเรียนรัฐบาลสิงคโปร์ว่า “ความสำเร็จของเบลในวันนั้นมาจากครอบครัวก็คือคุณแม่ ซึ่งท่านเป็นคนเก่งมีวิสัยทัศน์ที่ดีและกล้าตัดสินใจ ถ้ารู้ว่าอะไรดีจะพุ่งไปที่เป้าหมายนั้นและวางเส้นทางไว้ให้ลูก ๆ โดยพี่ชายของเบลเป็นคนแรกที่ไปสิงคโปร์ตั้งแต่เด็ก ตอนเดินทางไปใหม่ ๆ แม่บอกเพียงแค่ว่าจะพาพวกเราไปเที่ยวและสั่งให้ทุกคนเก็บของ แต่พอไปถึงสิงคโปร์เท่านั้นแม่ก็พาไปดูบ้านHost family ที่จะให้พี่ชายไปพักอยู่ แม่ของเบลใช้อุบายให้พี่ชายไปเล่นสระว่ายน้ำ สักพักแม่ก็บอกว่าให้อยู่ที่บ้านนี้นะ จากนั้นแม่ก็กลับกรุงเทพฯ ทันทีแบบที่พี่ชายเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว ส่วนคนที่สองคือตัวเบลเอง ซึ่งก่อนที่จะเดินทางไปสิงคโปร์เบลรู้อยู่ในใจแล้วว่าแม่ต้องการให้อยู่สิงคโปร์เช่นเดียวกับพี่ชายเพียงแค่อยู่กันคนละโรงเรียนเท่านั้น ซึ่งในช่วงแรกที่เบลไปอยู่บอกได้เลยว่าฟังภาษาอังกฤษไม่ออกและพูดไม่ได้เลย ทำให้น้ำหนักลดลงไปถึง 13 กิโลกรัม แต่ไม่นานภายใน 3 เดือน ก็เริ่มพูดได้ เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่ไปอยู่ เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมที่ทุกคนต้องพูดภาษาอังกฤษ เราจึงต้องปรับตัวและอยู่กับมันให้ได้ เบลได้เริ่มเรียนที่สิงคโปร์ตั้งแต่อายุ 11 – 17 ปี คือแรกเริ่มเข้าตั้งแต่ ป.4 และจบ sec 4 (O-Level) โดยในระดับการศึกษา Sec 1 -3 มีผลการเรียนเป็นอันดับ 1 ของชั้นติดต่อกัน 3 ปีซ้อน และได้กลับมาศึกษาต่อในระดับปริญาตรี Mahidol University International College (MUIC) สาขาวิชาชีววิทยา โดยมีผลการเรียนเกียรตินิยมอันดับ 1 และได้รับทุนรัฐบาลไทยให้ศึกษาต่อปริญญาโทที่สถาบัน Asian Institute of Technology (AIT) และนอกจากผลงานด้านการศึกษาแล้ว ช่วงที่กำลังเรียนอยู่มีความสนใจด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย จึงได้สมัครและรับทุนแลกเปลี่ยนในต่างประเทศถึง 9 ประเทศ ยังได้ร่วมกิจกรรมพิเศษอีกมากมาย”

ครูเบล เปิดเผยด้วยว่า สำหรับในยุค New normal ซึ่งเกิดขึ้นมาจากภาวะวิกฤตการระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้โรงเรียนต้องเลื่อนการเปิดเทอม เด็กนักเรียนและผู้ปกครองเองก็ต้องมีการปรับตัว โดยในมุมมองของเบลมองว่า อารมณ์ของเด็ก ๆ ตอนนี้อยากไปโรงเรียนมาก เนื่องจากจะได้เจอเพื่อน ๆ ได้เรียนหนังสือ ในขณะที่ผู้ปกครองเองก็เริ่มรับมือไม่ไหวที่จะต้องเฝ้าเด็กในช่วงที่ต้องเรียนออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กเล็ก ที่มักจะอยู่ไม่นิ่ง อย่างไรก็ตามยอมรับการเรียนแบบตัวต่อตัวจะช่วยให้เด็กมีสมาธิและจดจ่อกับการเรียนมากกว่า แต่สำหรับการเรียนออนไลน์ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้แก่เด็ก ๆ ในต่างจังหวัด ได้เข้าถึงเนื้อหาเท่าเทียมกับเด็กในกรุงเทพฯ หรือในเมืองใหญ่ ๆ ทำให้เด็กสามารถเรียนกับครูดัง ๆ ได้ ซึ่งที่สิงคโปร์ได้ทำการเรียนออนไลน์แล้วสามารถประสบความสำเร็จพอสมควร เพราะทุกคนสามารถเข้าถึงเนื้อหาการเรียนได้มากขึ้น แต่ของประเทศไทยเรานั้นมีอุปสรรคที่สำคัญคือ ความไม่พร้อมในเรื่องเทคโนโลยี เด็กต้องมีอุปกรณ์ที่ดีสามารถรองรับการเรียนออนไลน์ได้ และก็ไม่ใช่ทุกบ้านที่จะมีสัญญาณอินเตอร์เน็ตซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่ม ยิ่งถ้าเป็นในพื้นที่ห่างไกลการเข้าถึงยิ่งยากลำบากกว่า

สำหรับในมุมมองของผู้ปกครองเองต่างก็ต้องคำนึงความปลอดภัยของบุตร-หลานด้วยเป็นหลัก โรงเรียนหรือสถาบันกวดวิชาต่าง ๆ ก็ต้องเตรียมมาตรการการป้องกันไว้อย่างดี ผู้ปกครองบางท่านเลือกที่จะรอให้การระบาดของ COVID-19 ผ่านพ้นไปก่อนค่อยส่งบุตร-หลานไปเรียน การเรียนออนไลน์จึงเป็นทางเลือกที่เลี่ยงไม่ได้ แต่หากมีความกังวลว่าการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ไม่มีความเข้มข้นเท่าการไปโรงเรียน ทางเบลเองก็มีวิธีแก้คือปรับที่คอนเทนต์ ถ้าเด็กเรียนแล้วไม่สนุกหรือรู้สึกว่าเด็กไม่จดจ่อกับการเรียน ครูก็ปรับต้องปรับคอนเทนต์เป็นรูปแบบอื่นเช่น วีดีโอ หรือการ์ตูน เพื่อให้เด็กเกิดความสนใจและสามารถนั่งเรียนต่อเป็นชั่วโมงได้

“ เบลจะบอกและสอนน้อง ๆ เสมอโดยเฉพาะคนที่อยากไปเข้าเรียนที่สิงคโปร์ คือ ต้องกล้าตั้งเป้าหมายให้สูงไว้ เพราะที่นั่งที่กระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์ได้จัดให้กับเด็กต่างชาตินั้นมีน้อย สิงคโปร์จะใช้วิธีให้เด็กจากทั่วโลกมารวมกันแล้วสอบแข่งขันเพื่อคัดนักเรียนท็อป 10 แต่ก็ยังมีเด็ก ๆ อยากจะไป เพราะระบบการศึกษาของสิงคโปร์นั้นถือว่าอยูในอันดับต้น ๆ ของโลก ด้วยการเรียนการสอนที่เป็นระบบ ไม่เน้นท่องจำ แต่เน้นการเข้าใจ เน้นแอปพลิเคชั่นให้เด็กเข้าใจและนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน และค่าใช้จ่ายไม่แพงมาก และมีความปลอดภัย สุดท้ายอยากจะบอกว่าการที่เด็กจะเก่งหรือไม่เก่งต้องดูที่เด็กคนนั้นมีเป้าหมายไหม เบลจะเน้นย้ำสอนการตั้งเป้าและส่งเสริมให้เด็กลงมือทำด้วยตัวเอง” ครูเบล กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง