ไคเนติก้า ผู้ให้บริการจีพียูความเร็วสูงที่สุดสำหรับงานฐานข้อมูล เปิดเผยวันนี้ว่าบริษัทจะมุ่งเน้นขยายฐานการเทคโนโลยีนี้สู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเติบโตในระยะถัดไป องค์กรที่จะได้รับประโยชน์จากการใช้ไคเนติก้าคือองค์กรขนาดใหญ่ที่มีจำนวนข้อมูลมหาศาล ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มธุรกิจธนาคาร ปิโตรเคมี อุตสาหกรรมยานยนต์ สุขภาพ การสื่อสาร สายการบิน การขนส่งและลอจิสติก และธุรกิจค้าปลีก รวมถึงอีคอมเมิร์ซด้วย
การขยายตัวครั้งนี้ไคเนติก้าได้รับเงินลงทุนมูลค่ากว่า 50 ล้านดอลลาร์ จากผู้ร่วมลงทุนหลักได้แก่ แคสวาส เวนเจอร์และ เมริเทค แคปิตอล พาร์ทเนอร์ ร่วมด้วยนักลงทุนรายใหม่อย่าง ซิติ เวนเจอร์ และนักลงทุนเดิมอย่าง เรย์ เลน แห่ง เกรทพอนยต์ เวนเจอร์ และอดีตประธานและ COO ของออราเคิล
NVIDIA GPUs ช่วยเปลี่ยนการปฏิบัติงานของฐานข้อมูลแบบดั่งเดิม และเร่งความเร็วด้วยการใช้คอร์ประสิทธิภาพสูงขนาดเล็กนับพัน ที่สามารถทำงานคำสั่งซ้ำๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็วพร้อมๆ กัน จึงช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมหาศาล ข้อมูลไร้โครงสร้างหรือข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลาได้ รองรับการทำแมนชีนเลิร์นนิ่ง การวิเคราะห์ บีไอ และการประมวลผลเสมือนจริง ไคเนติก้าสามารถรองรับการประมวลผลข้อมูลได้เร็วกว่าฐานข้อมูลแบบเดิมถึง 100 เท่า ลดต้นทุนด้านฮาร์ดแวร์ลงเหลือ 1 ใน 10 สามารถติดตั้งได้ทั้งเซิร์ฟเวอร์ในองค์กรหรือทำงานบนคลาวด์ผ่าน Google Cloud, Amazon Web Services, Microsoft Azure และ Google Cloud.
คาดการณ์ว่าตลาดมีความต้องการอย่างมากสำหรับการวิเคราะห์ฐานข้อมูล ไคเนติก้าจึงประกาศแต่งตั้ง โจเซฟ ลี ให้ดำรงตำแหน่ง รองประธาน ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ญี่ปุ่น ซึ่งมีพันธกิจหลักในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและก่อให้เกิดการใช้งานไคเนติก้าในภูมิภาคนี้มากขึ้น ผลักดันความสำเร็จให้กับลูกค้าและเป็นพันธมิตรที่เข้มแข็ง ลีจะขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจไคเนติก้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่นและเกาหลี
ลี ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการขายซอฟต์แวร์ระดับเอ็นเตอร์ไพรส์มานานกว่า 16 ปี ในกลุ่มธุรกิจที่ต้องใช้ความ เชี่ยวชาญสูง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโทรคมนาคม การบริการทางการเงิน และธุรกิจค้าปลีกหรืออีคอมเมิร์ซ ก่อนที่จะมาร่วมที่ไคเนติก้า ลีได้สร้างธุรกิจ Cloudera ในตำแหน่งผู้อำนวยการอาวุโส ประจำภูมิภาคเอเชียแบะอินเดีย จากศูนย์ให้เกิดขึ้นในเอเชีย จนมีธุรกิจมากกว่าหลายสิบล้าน และได้รับรางวัล Cloudera's Global Sales Leader of the Year FY17 โดยมุ่งเน้นไปที่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย ก่อนหน้าที่จะทำงานร่วมกับ Cloudera เขายังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขายที่ซิสโก้และไทดอลซอฟต์แวร์
"เราตื่นเต้นมากกับเป้าหมายทางธุรกิจครั้งนี้สำหรับไคเนติก้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ญี่ปุ่น และเราหวังจะเห็นการเปิดตลาดของเราในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ส่งผลให้กลยุทธ์การเติบในภาพรวมประสบความสำเร็จไปด้วย" อามิ วิไอเจ ซีอีโอและผู้ก่อตั้งไคเนติก้า กล่าว "ด้วยการเติบโอย่างมากของธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะอยู่ในธุรกิจกลุ่มใด ทั้งการเงินการธนาคาร ธุรกิจเพื่อสุขภาพ โทรคมนาคม ค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ องค์กรขนาดใหญ่ให้ความสำคัญกับการตัดสินใจอย่างชาญฉลาด ด้วยการใช้ข้อมูลเชิงลึกที่มีอยู่ในธุรกิจของตน เราเชื่อมั่นว่าความสำเร็จของโจเซฟในซอฟต์แวร์ระดับองค์กร และประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งธุรกิจสตาร์ทอัพและองค์กรข้ามชาติอื่นๆ จะมีส่วนช่วยเร่งสร้างความสำเร็จให้กับลูกค้าของเราในภูมิภาคนี้อย่างแน่นอน" วีไอเจ เสริม
จากงานวิจัยที่จัดทำขึ้นทุกครึ่งปีของไอดีซีในด้านการใช้จ่ายสำหรับงานวิเคราะห์และบิ๊กดาต้าพบว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีขนาดตลาดใหญ่เป็นอันดับสามสำหรับโซลูชันการวิเคราะห์และบิ๊กดาต้าด้วยมูลค่าประมาณการใช้จ่ายสูงถึง 13.6 พันล้านดอลลาร์ในปี ค.ศ. 2017 และเพราะหลายบริษัทและหลายภาคธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต่างกำลังก้าวสู่ยุคแห่งการตัดสินใจด้วยข้อมูล ความจำเป็นที่ต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อการวิเคราะห์และบิ๊กดาต้าที่มีประสิทธิภาพสูงจึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ นี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ไคเนติก้าจะก้าวสู่การเติบโตอย่างรวดเร็วในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้ โดยคาดการณ์จะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) สูงถึง 14.4% ภายในปี ค.ศ. 2022 เมื่อเทียบกับการใช้จ่ายสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจและบิ๊กดาต้า
"ข้อมูลทางธุรกิจที่ไหลเวียนมากมายมหาศาลในวันนี้ ทำให้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปลี่ยนแปลงการประมวลผลข้อมูล ฐานข้อมูลที่ใช้จีพีอยู่ของเราจะได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและกลายเป็นอนาคตสำหรับการวิเคราะห์และแอพพพลิเคชันด้านเอไอ องค์กรขนาดใหญ่ต่างต้องการสร้างผลกำไรจากการตัดสินใจที่รวดเร็วด้วยข้อมูลที่พวกเขามีอยู่ ไม่ว่าเป็นข้อมูลจากเซนเซอร์ภายในรถยนต์ พฤติกรรมของลูกค้า สัญญาณบางอย่างจากระบบการธนาคาร รูปแบบการสาธารณสุขจากอุปกรณ์การแพทย์ ทั้งหมดนี้สามารถนำมาใช้เพื่อการตัดสินใจได้บนไคเนติก้าได้ทั้งสิ้น" โจเซฟ ลี รองประธาน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ญี่ปุ่น ไคเนติก้า กล่าว
"จากการสร้างโซลูชันร่วมกันกับไคเนติก้า ช่วยให้ธุรกิจในเอเชียแปซิฟิก ญี่ปุ่นได้รับประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลชนิดหาใครเทียบมิได้ องค์กรขนาดใหญ่สามารถโม่ข้อมูลของตนเองเปลี่ยนแปลงให้เกิดมูลค่า และใช้ข้อมูลในด้านอื่นๆ
เช่น สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลผ่านอุปกรณ์ IoT ธุรกิจสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากอุปกรณ์ที่ติดตั้ง ณ หน้างาน เช่น รถยนต์ อุปกรณ์ในแท่นขุดเจาะน้ำมัน เสาสัญญาณโทรศัพท์ เครื่องจักรหนักในโรงงานอุตสาหกรรม" เรยมอนด์ เทช รองประธาน ประจำเอเชียแปซิฟิก NVIDIA กล่าว
จากต้นแบบชุมชนหน่วยข่าวกรองของสหรัฐอเมริกา ไคเนติก้า ถูกพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกสำหรับหน่วยสืบราชการลับของกองทัพสหรัฐและกองกำลังรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ในการติดตามและค้นหาผู้ก่อการร้ายแบบเรียลไทม์ ผลจากการพัฒนาครั้งนั้นถูกนำมาสร้างเป็นระบบฐานข้อมูล SQL สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ โดยใช้พื้นฐานการประมวลผลผ่านจีพียู ซึ่งช่วยให้ได้ผลการคำนวณโดยทันทีและรองรับการสร้างภาพเสมือนสำหรับการข้อมูลเชิงลึกและข้อมูลสตรีมมิ่งขนาดใหญ่ โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถูกนำไปใช้งานจริงแล้วกับการไปรษณีย์แห่งสหรัฐอเมริกา (USPS) GlaxoSmithKline, PG&E, IronNet Cybersecurity และหนึ่งในร้านค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก