ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยในการลงพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินงานโครงการสำคัญๆ ของกระทรวงฯ และหน่วยงานในสังกัดฯ ว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่ต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้วยนวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งกระทรวงดิจิทัลฯ ในฐานะหน่วยงานหลักในการผลักดันนโยบายดังกล่าว จึงได้ดำเนินโครงการต่างๆ โดยเฉพาะการสร้างโอกาสการเข้าถึงการใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อให้ประชาชนได้รับการบริการต่างๆ อย่างเท่าเทียม ในโครงการ "เน็ตประชารัฐ" ซึ่งไม่เพียงการดำเนินการติดตั้งเท่านั้น แต่กระทรวงฯ ยังได้สร้างการรับรู้การใช้ประโยชน์จากโครงการดังกล่าว รวมทั้งโครงการร้านค้าดิจิทัลชุมชน (Point of Sale : POS) เพื่อสร้างรายได้ให้กับประชาชนในชุมชนผ่านการขายสินค้าและบริการท้องถิ่นในรูปแบบออนไลน์ โดยอาศัยศักยภาพของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ที่มีเครือข่ายสาขาที่ทำการไปรษณีย์กระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อใช้เป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งระบบร้านค้าออนไลน์ หรือที่ทำการไปรษณีย์ และผ่านแคตตาล็อก การจัดส่งสินค้าไปยังผู้ซื้อทั่วประเทศผ่านระบบงานอิเล็กทรอนิกส์ (e-Logistics) การพัฒนาระบบการรับชำระเงิน (e-Payment) ที่รองรับการชำระเงินค่าสินค้า ด้วยเงินสด หรือ บัตรประเภทต่างๆ ด้วยรูปแบบการชำระเงินออนไลน์และการเก็บเงิน ณ ที่อยู่ผู้รับสินค้าที่ปลายทาง (COD : Cash on Delivery) และอาศัยกลไกของศูนย์ดิจิทัลชุมชนที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนในระดับฐานรากได้มีโอกาสเรียนรู้และเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล
ล่าสุด บจ.ไปรษณีย์ไทย โดยสำนักงานไปรษณีย์ เขต 10 ได้ดำเนินการติดตั้งระบบ POS ณ ที่ทำการไปรษณีย์อนุญาตพิบูลมังสาหาร 102 (อ่างศิลา) ตำบลอ่างศิลา อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2561 ซึ่งนับเป็นจุดที่ 12 ในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานไปรษณีย์ เขต 10 และเป็นจุดที่ 5 ของจังหวัดอุบลราชธานี สำหรับจุดที่ติดตั้งไปแล้ว ได้แก่ ที่ทำการไปรษณีย์อนุญาตตาลสุม 105 (จิกเทิง) เขื่องใน 101 (แดงหม้อ) เชื่องใน 105 (นาคำใหญ่) และบุณฑริก 103 (หลักป้าย) ซึ่งจะทำให้ประชาชนในชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียงมีเทคโนโลยีดิจิทัลในการสร้างการรับรู้และเข้าถึงสินค้าและบริการของชุมชน เพื่อสร้างรายได้ รวมทั้งยกระดับเศรษฐกิจของชุมชนได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล
จากนั้น ดร.พิเชฐฯ พร้อมคณะ ได้เยี่ยมชมการดำเนินงานของ "สถานีดาวเทียมสิรินธร" ซึ่งเป็นสถานีดาวเทียมแห่งที่ 3 (Third Gateway) ของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เพื่อรองรับการติดต่อสื่อสารผ่านดาวเทียมทางคาบสมุทรอินเดีย และแปซิฟิก โดยปัจจุบันเนื่องจากปริมาณการใช้งานสื่อสารผ่านดาวเทียมลดน้อยลง สถานีดาวเทียมสิรินธร จึงทำหน้าที่เป็นสถานีดาวเทียมสำรองให้กับสถานีดาวเทียมศรีราชาและสถานีดาวเทียมนนทบุรี ในกรณีที่สถานีดาวเทียมทั้งสองเกิดเหตุฉุกเฉินไม่สามารถใช้งานได้ ทั้งยังทำหน้าที่เป็น Network Operation Center (NOC) ให้กับบริการ CAT ipstar รวมถึงตรวจซ่อม และติดตั้ง CAT ipstar ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งรับผิดชอบดูแลการบำรุงรักษาและติดตั้งบริการ CAT GlobeSat ให้กับกระทรวงการต่างประเทศ ของ สปป.ลาว ทั้งนี้ สถานีดาวเทียมสิรินธร ยังได้รับความไว้วางใจจากบริษัท SES Engineering จากราชรัฐลักเซมเบิร์ก ที่มีความสนใจที่จะให้สถานีดาวเทียมสิรินธรเป็นสถานีฯ ตรวจสอบคุณภาพสัญญาณดาวเทียมในย่านภูมิภาคนี้ โดยจะติดตั้งอุปกรณ์เพื่อตรวจสอบสัญญาณดาวเทียม Carrier Spectrum Monitoring (CSM) ให้กับดาวเทียม SES-8 และดาวเทียม SES-12 อีกด้วย
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ยังได้ติดตามการดำเนินงานของ "ศูนย์ดิจิทัลชุมชนเหล่าเสือโก้ก" ตำบลเหล่าเสือโก้ก อำเภอเหล่าเสือโก้ก จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งที่ผ่านมาศูนย์ฯดังกล่าว ได้จัดทำโครงการ "การใช้งานคอมพิวเตอร์และเครื่องมือสื่อสาร" ให้กับกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ผู้นำชุมชน กลุ่มสตรี และประชาชนทั่วไป โดยมีผู้ขอรับการอบรมประมาณ 600 ราย โดยกระทรวงดิจิทัลฯ ได้สนับสนุนเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 10 เครื่อง เพื่อให้ศูนย์ฯสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างทั่วถึง ด้านนางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ ได้ร่วมคณะ พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของ "ศูนย์ดิจิทัลชุมชนวัดบูรพา" ตำบลทุ่งแต้ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2561 ซึ่งพบว่าทั้ง 2 ศูนย์ฯ มีการส่งเสริมความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับคนในชุมชนอย่างทั่วถึง โดยเริ่มตั้งแต่การส่งเสริมความรู้พื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์ให้กับผู้เริ่มต้นใช้งาน วิธีการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างเหมาะสมและปลอดภัย ตลอดจนหลักสูตรการสร้างร้านค้าออนไลน์ให้กับกลุ่มอาชีพในชุมชน โดยเฉพาะศูนย์ดิจิทัลชุมชนวัดบูรพา ที่คนในชุมชนสามารถเรียนรู้การสร้างช่องทางขายสินค้าออนไลน์มาช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างช่องทางขายออนไลน์ โดยจัดทำเว็บไซต์เพื่อโปรโมทสินค้าและรับออเดอร์จากลูกค้า ทำให้สามารถจำหน่ายสินค้าของชุมชนได้มากขึ้น