ผู้ใช้สามารถยื่นคำร้องขอตรวจสอบได้โดยตรงไปที่โปรโตคอลของ Quantstamp ในเวอร์ชั่นเบทาเน็ตผ่านทางเว็บไซต์ของเรา [ http://betanet.quantstamp.com/ ] เมื่อการตรวจสอบเสร็จสมบูรณ์ จะมีรายงานการตรวจสอบที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปอ่านได้ พร้อมทั้งฟังก์ชั่นแฮชที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งจะบันทึกข้อมูลการตรวจสอบที่สามารถตรวจสอบได้
"ในช่วงระยะเวลาเพียงไม่ถึงปีนับตั้งแต่การระดมทุนแบบ crowdsale ของเราเสร็จสิ้น เรามีความยินดีที่จะเปิดตัวโปรโตคอลเบทาเน็ตของเราบน Ethereum mainnet" ริชาร์ด หม่า ซีอีโอของ Quantstamp กล่าว "ด้วยการเปิดเผยผลการตรวจสอบที่พิสูจน์ได้บน Ethereum ให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบ เท่ากับว่าเราได้ช่วยปรับปรุงแนวทางการนำเทคโนโลยีสมาร์ท คอนแทรคมาใช้"
นวัตกรรมที่สำเร็จได้ด้วยโปรโตคอลของ Quantstamp
ด้วยการเปิดตัวเบทาเน็ต Quantstamp จึงได้พัฒนานวัตกรรมขึ้นมา การมีผลการบันทึกที่สามารถตรวจสอบได้สำหรับประชาชนทั่วไปเมื่อมีการตรวจสอบเกิดขึ้นนั้นนับเป็นนวัตกรรมและสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในอดีต ผู้ใช้จำเป็นต้องเชื่อถือว่า ผู้พัฒนาสมาร์ท คอนแทรค ได้ใช้มาตรการล่วงหน้าด้านความปลอดภัยที่จำเป็นทั้งหมดแล้ว แทนที่จะตรวจสอบข้อมูลนี้ได้โดยอิสระ แต่การขาดความโปร่งใสด้านความปลอดภัยในสมาร์ท คอนแทรค ทำให้การสร้างความเชื่อถือในกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในสมาร์ท คอนแทรค และสเกล สมาร์ท คอนแทรค เป็นเรื่องที่ลำบาก
การขอผลการตรวจสอบของ Quantstamp บนเครือข่าย Ethereum Mainnet
โปรโตคอลเวอร์ชั่นเบทาเน็ตบนเว็บไซต์ของ Quantstamp จะนำข้อมูลการร้องขอผลการตรวจสอบของคุณส่งต่อไปยังสมาร์ท คอนแทรค ของ Quantstamp บนเครือข่าย Ethereum mainnet
ขั้นตอนการเริ่มตรวจสอบ มีดังนี้ ผู้ใช้เข้าไปที่เว็บไซต์ http://betanet.quantstamp.com/ และอนุมัติการโอน QSP โดยใช้ Metamask [ https://metamask.io/ ] โปรโตคอลของ Quantstamp จะถือว่า QSP นี้เป็นการอนุญาตจนกว่าการตรวจสอบจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ หลังการถ่ายโอนได้รับอนุมัติ ผู้ใช้จะส่งรหัสสมาร์ท คอนแทรค บนเว็บของ Quantstamp หลังจากนั้น โหนด (node) ที่ได้รับอนุญาตของ Quantstamp จะรับทราบคำร้องขอตรวจสอบ และหนึงในโหนดของกลุ่มจะทำการตรวจสอบจนเสร็จสมบูรณ์ กระบวนการนี้จะทำการบันทึกข้อมูลสองเรื่องไว้บนเครือข่าย Ethereum mainnet ซึ่งได้แก่ฟังก์ชั่นแฮชในรายงานตรวจสอบของคุณ และ URL ตำแหน่งที่เก็บรายงานตรวจสอบของคุณ ขณะที่บันทึกการตรวจสอบข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในบล็อกเชนไปตลอด
การใช้โหนดใน Whitelist เพื่อปรับปรุงโปรโตคอล เบต้าของ Quantstamp
สำหรับเวอร์ชั่นเบทาเน็ตนี้ เฉพาะองค์กรที่มีรายชื่อใน Whitelist เท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้ใช้โหนดการตรวจสอบของ Quantstmap ได้ ขณะนี้ Quantstamp กำลังจัดทำรายชื่อใน Whitelist ที่ประกอบด้วยสถาบันวิจัย และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมที่น่าเชื่อถือและมีชื่อเสียง ซึ่งจะร่วมแบ่งปันวิสัยทัศน์ในการเพิ่มจำนวนสมาร์ท คอนแทรค กลุ่มผู้ดูแลปฏิบัติการโหนดจะช่วยสังเกตการทำงานของโหนดของเรา และโปรโตคอลของ Quantstamp ด้วย มีการระบุชื่อโหนดใน whitelist ในขั้นตอนพัฒนา เพื่อให้สามารถทดสอบและปรับปรุงซอฟท์แวร์ และโปรโตคอลโหนดให้สมบูรณ์ก่อนที่จะทำให้ประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมในฐานะผู้ปฏิบัติการด้านโหนด
แม้ว่า กลุ่มผู้ปฏิบัติการโหนดจะมีรายชื่ออยู่ใน Whitelist แต่ทุกคนสามารถซื้อผลการตรวจสอบที่พิสูจน์ได้โดยบุคคลทั่วไปผ่านโปรโตคอลของ Quantstmap ได้
กลุ่มผู้ปฏิบัติการโหนดที่มีรายชื่อใน Whitelist จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Quantstamp เพื่อทำหน้าที่ต่างๆดังนี้:
- แก้จุดบกพร่องในโหนด ซอฟต์แวร์
- ปรับปรุงสมาร์ท คอนแทรค
- เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการค้นหาราคาในการตรวจสอบ และ
- วิจัยโครงสร้างด้านแรงจูงใจที่จะจูงใจให้ผู้ดูแลระบบปฏิบัติการโหนดไม่สร้างโปรแกรมที่มุ่งร้าย
พบกันเร็วๆนี้
Quantstamp กำลังดำเนินงานเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์แบบกระจายศูนย์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนสมาร์ท คอนแทรค หลังจากเปิดตัวเบทาเน็ตแล้ว Quantstmap มีความก้าวหน้าไปอีกขั้นในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของสมาร์ท คอนแทรค และช่วยทำให้เทคโนโลยีบล็อกเชนมีความเหมาะสมกับการใช้งานในกระแสหลัก
เกี่ยวกับ Quantstamp
Quantstamp เป็นบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจาก Y Combinator ที่มีเป้าหมายในการทำหน้าที่เป็นมาตรฐานด้านความปลอดภัยของสมาร์ท คอนแทรค เนื่องจากมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบความปลอดภัยที่ทุ่มเทให้กับการจัดการกับผู้กระทำผิด Quantstamp จึงกรุยทางสู่เทคโนโลยีสมาร์ท คอนแทรคที่มีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น Quantstamp มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาสมาร์ทคอนแทรคที่ดีที่สุดทั่วโลก และมีสำนักงานอยู่ที่ซานฟรานซิสโก, นิวยอร์ก ซิตี้, โตรอนโต และโตเกียว สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลงานของเราได้ที่ http://quantstamp.com/
ติดต่อ:
Dan Zhang
โทร. 415-604-8549
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/728052/Quantstamp_Logo.jpg